Chelsea vs. Liverpool วัดกันตัวต่อตัว

เชลซี ปะทะ ลิเวอร์พูล นี่คือหนึ่งในคู่บิ๊กแมตช์ของศึกลูกหนังพรีเมียร์ลีกเจอกันทีไรรับประกัน ความสนุกและความตื่นเต้นมักไม่ทำให้คอบอลที่ตั้งตารอชมต้องผิดหวัง

พิจารณาจากผลงานปัจจุบันของทั้งสองทีมเทียบกันไม่ติด "สิงห์บลูส์" รั้่งรองจ่าฝูง ขณะที่ "หงส์แดง" จมปลักอยู่ที่ 12

แม้อันดับแตกต่างกันเยอะแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทีมของ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ จะเหนือกว่าสโมสรจากเมอร์ซี่ไซด์มากมายนัก เพราะต้องวัดผลกันในสนามมากกว่า

แน่นอนแชมป์ยูโรปปีล่าสุดได้เปรียบเรื่องเสียงเชียร์เฝ้าถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์แต่เมื่อเทียบขุมกำลังผู้เล่นแต่ละตำแหน่งมาดวลกันอาจใช้เป็นตัว ตัดสินผลแพ้-ชนะก็เป็นได้

เฟร์นานโด ตอร์เรส VS สเคอร์เทล

คู่นี้หนีไม่พ้นต้องเจอกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ตอร์เรส เรียกความมั่นใจส่งบอลสู่ก้นตาข่ายในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีกกลางสัปดาห์ หลังฟอร์มฝืดมาหลายนัด แม้ประตูที่ทำได้มีโชคช่วยไม่น้อยก็ตาม

ขณะที่ สเคอร์เทล ได้เปรียบในเรื่องความสดหลังไม่ได้ร่วมทริปบุกไปเยือนรัสเซียทำศึกยูโรป้า ลีก ทำให้สภาพร่างกายพร้อมสำหรับเกมซูเปอร์ ซันเดย์

ทั้งสองคนเคยเคียงบ่าเคียงไหล่นานถึง 3 ปีปะทะกันบ่อยในสนามฝึกซ้อม ดังนั้นน่าจะรู้ทางหนีทีไล่และสไตล์การเล่นของกันและกันเป็นอย่างดี


ไรอัน เบอร์ทรานด์ VS ราฮีม สเตอร์ลิ่ง

จริงๆแล้วน่าจะเป็น แอชลี่ย์ โคล ปะทะ สเตอร์ลิ่ง มากกว่า

แต่ดูเหมือน โคล เจออาการบาดเจ็บรบกวนมีแนวโน้มจะหายไม่ทันวันอาทิตย์

ภาระจึงตกมาอยู่กับ เบอร์ทรานด์ รับผิดชอบแทนรุ่นพี่ แม้ภาระหนักอึ้งแต่เมื่อพิจารณาจากเกมที่เอาชนะ ชัคเตอร์ เมื่อกลางสัปดาห์เล่นได้อย่างน่าประทับใจ

เชื่อว่า ดิ มัตเตโอ กุนซือจัดว่าง เบอร์ทรานด์ เป็นตัวกันชนหยุดความร้อนแรงของ สเตอร์ลิ่ง

สำหรับ สเตอร์ลิ่ง ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในทีม "หงส์แดง" ภายใต้การผลักดันของ ร็อดเจอร์ส

สปีดที่เร็ว,เล่นบอลมีไหวพริบและลีลากระชากลากเลื้อยหลบกองหลังฝั่งตรงข้ามถือเป็นคนสมบัติโดดเด่นของเจ้าหนู ราฮีม


ฆวน มาต้า VS โจ อัลเลน

หากถามว่านักเตะในทีมสิงห์บลูส์ที่กำลังท็อปฟอร์มที่สุดในปัจจุบัน

เชื่อว่าส่วนใหญ่ตอบเป็นเสียงเดียวก็คือ มาต้า

แข้งซุปตาร์เลือดกระทิงดุพังประตูสำคัญๆช่วยสร้างสรรค์เกมรุกและดลบันดาลชัยชนะมาสู่ทีมหลายนัดแล้ว

แน่นอน "บีร๊อด" บอสหงส์แดงรู้ดีว่าเขาต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลมต้องหยุด มาต้า ให้ได้

ภาระหนักอึ้งหนีจึงน่าจะตกอยู่กับ อัลเลน มิดฟิลด์ห้องเครื่องที่น่าจะไล่ตามประกบ มาต้า เป็นเงาตามตัวไม่ได้ทำเกมได้ถนัด


จอห์น เทอร์รี่ VS หลุยส์ ซัวเรซ

หลังโดนดร็อปอย่างน่าเซอร์ไพรส์ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก กลางสัปดาห์

ดิ มัตเตโอ น่าจะคืนปลอกแขนกัปตันทีมให้ เทอร์รี่ ได้สวมใส่และกลับมายืนเป็นหัวใจในแดนหลังอีกครั้ง

สำหรับ "เจที" ต้องโทษแบนเกมพรีเมียร์ลีกถึงตามข้อหาเหยียดผิวกลับมาครั้งนี้จึงหวัง พิสูจน์ตัวเองว่าให้ดูที่ผลงานความสามารถมากกว่าจะมองที่นิสัยส่วนตัว

ขณะที่ ซัวเรซ อยู่ในช่วงขาขึ้นซัดไปแล้ว 7 ประตูเกาะกลุ่มนำดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก

แต่เรื่องพังประตูถือเป็นเรื่องรอง เพราะดาวยิงฟันเหยินผู้นี้มีทั้งความเร็ว,ความขยัน,ทำได้ดีในสถานการณ์หนึ่ง ต่อหนึ่ง เรียกว่ากองหลังคนไหนเผลอเมื่อเอาไม่อยู่ไล่ไม่ทันแน่

ถึงกระนั้น เทอร์รี่ ผ่านสังเวียนแข้งมาอย่างโชกโชนแล้วเจอกองหน้าหลากหลายรูปแบบ

ดังนั้นการดวลกันของสองคนนี้จึงน่าสนใจยิ่งนัก


สถิติที่น่าสนใจ

เชลซียิงรวมกัน 22 ประตู แบ่งออกเป็น

จากการเล่นโอเพ่นเพลย์ 11 ประตู

ด้วยลูกเซตพีซ 5 ประตู

เกมโต้กลับ 3 ประตู

จุดโทษ 3 ประตู


ลิเวอร์พูลยิงได้ 13 ประตู


จากการเล่นโอเพ่นเพลย์ 8 ประตู

ด้วยลูกเซตพีซ 3 ประตู

เกมโต้กลับ 0 ประตู

จุดโทษ 0 ประตู

คู่แข่งสกัดเข้าประตูตัวเอง 2 ประตู

ผลงานโดยเฉลี่ย

เชลซียิง 2 ประตูต่อนัด

ลิเวอร์พูลยิง 1 ประตูต่อนัด

เชลซีมีโอกาสยิง 15 ครั้งต่อนัด

ลิเวอร์พูลมีโอกาสยิง 19 ครั้งต่อนัด

เชลซีครองบอลได้ 54%

ลิเวอร์พูลครองบอลได้ 58%

เชลซีมีเปอร์เซนต์ผ่านบอลสำเร็จ 85%

ลิเวอร์พูลมีเปอร์เซนต์ผ่านบอลสำเร็จ 85%


ที่มา  http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=709704