Top 10: Fastest Premier League goals in 2013/14

10. Oscar - 3mins 34secs vs Norwich City

9. Peter Crouch - 3mins 13secs vs Manchester United

8. Daniel Sturridge - 3mins 6secs vs Swansea

7. Daniel Sturridge - 3mins 5secs vs Manchester United

6. Emanuele Giaccherini - 2mins 31secs vs Southampton

5. Loic Remy - 1min 53secs vs Norwich City

4. Jonjo Shelvey - 1min 27secs Vs Liverpool

3. Michu - 1min 20secs vs Crystal Palace

2. Jesus Navas - 0mins 13secs vs Tottenham

1. Asmir Begovic - 0mins 13secs vs Southampton

Epically Cute: Damian Cech saves from Leo Torres

Manchester City 4 - 2 Viktoria Plzeň ٠ All Goals

Paris Saint-Germain 2 - 1 Olympiakos Piraeus ٠ All Goals

Anderlecht 2 - 3 Benfica ٠ All Goals

Juventus 3 - 1 Copenhagen ٠ All Goals

Real Madrid 4 - 1 Galatasaray ٠ All Goals

Shakhtar Donetsk 4 - O Real Sociedad ٠ All Goals

Bayer Leverkusen O - 5 Manchester United ٠ All Goals

Cska Moskva 1 - 3 Bayern München ٠ All Goals HD

EPL Team of the Week - Round 12

EPL Top 5 Saves of Round 12

EPL Top 5 Goals of Round 12

Cska Moskva 1 - 3 Bayern München ٠ All Goals HD

ตารางคะแนนสด + ไฮไลต์ทุกประตูในครึ่งแรก คาดิฟฟ์ ซิตี้ 1-2 แมนฯ ยูไนเต็ด




Cardiff City 0-1 Manchester United # Rooney


Cardiff City 1-1 Manchester United # Campbell


Cardiff City 1-2 Manchester United # Evra


Video : A Swindon fan ran on the pitch and swung a punch at Leyton Orient goalie Jamie Jones

ตารางคะแนนสดและไฮไลต์ทุกประตู แมนซิตี้ 6-0 สเปอร์




Manchester City 6-0 Tottenham # All Goals


Manchester City 1-0 Tottenham # Super Jesus Navas
Manchester City 2-0 Tottenham # Negredo
Manchester City 3-0 Tottenham # Aguero
Manchester City 5-0 Tottenham # Super Negredo (Doublé)
Manchester City 6-0 Tottenham # Navas (Doublé)


ตารางคะแนนสดและไฮไลต์ประตูในครึ่งแรก แมนซิตี้ - สเปอร์




Manchester City 1-0 Tottenham # Super Jesus Navas
Manchester City 2-0 Tottenham # Negredo
Manchester City 3-0 Tottenham # Aguero


English Premier League Assists Leaders

จังหวะยิงเฉียดเสาออกไปแบบไม่น่าพลาดของ โจ อัลเลน


ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก อัพเดทหลังจบทุกคู่คืนวันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน


ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก อัพเดทหลังจบทุกคู่คืนวันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน

Worst Goal keeper fail ever || Arsenal Vs Southampton

"สเตอร์ริดจ์" โขกช่วยหงส์เจ๊าท็อฟฟี 3-3

แดเนียล สเตอร์ริดจ์ กองหน้าของ ลิเวอร์พูล สวมบทฮีโร่ช่วยให้ "หงสแดง" รอดพ้นจากความพ่ายแพ้ในช่วงท้ายเกมหลังโหม่งตีเสมอ "ท็อฟฟี" เอฟเวอร์ตัน 3-3 เก็บแต้มกลับบ้านได้หวุดหวิด ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี คืนวันที่ 23 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
      
       พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
       เอฟเวอร์ตัน 3-3 ลิเวอร์พูล
      
       ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เกมนัดสำคัญ "เมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี แมตซ์" เอฟเวอร์ตัน อันดับ 6 ของตาราง มี 20 แต้ม เปิด กูดิสัน พาร์ค เจอกับ ลิเวอร์พูล รองจ่าฝูงมี 23 แต้ม เกมนี้เจ้าถิ่นส่งตัวหลักลงครบครันทั้ง สตีเวน พีนาร์ กับ โรเมลู ลูกากู ดาวยิงฟอร์มกระฉูด ส่วนผู้มาเยือน หลุยส์ ซัวเรซ ยืนเป็นกองหน้าตัวจริง ส่วน แดเนียล สเตอร์ริดจ์ เป็นเพียงตัวสำรอง
      
       เปิดฉากมา 5 นาที ลิเวอร์พูล บุกมานำอย่างรวดเร็ว 1-0 หลุยส์ ซัวเรซ โหม่งชงต่อให้ ฟิลิปเป คูตินโญ พักบอลก่อนดีดด้วยขวานิ่มๆ แต่ไม่ทันไร นาที 7 เอฟเวอร์ตัน ก็ตีเสมอแบบทันควันจังหวะฟรีคิก บอลยาวมาหน้าประตูแล้วกองหลังทีมเยือนสกัดไม่ขาด เป็น เควิน มิรัลลาส วิ่งเติมขึ้นมาแหย่บอลเข้าเสาแรกเป็น 1-1
      
       เอฟเวอร์ตัน เกือบได้ลูกที่สอง นาที 11 โรเมลู ลูกากู สปีดหลุดเดี่ยวขึ้นมาจับบอลในเขตโทษแต่ ซิมง มิโญเลต์ ออกมารวบบอลทัน แต่แล้ว นาที 18 ลิเวอร์พูล ได้ฟรีคิกระยะหวังผล ก่อนที่ หลุยส์ ซัวเรซ ปั่นทะลุกำแพงบอลเสียบเสาเข้าไปแบบสวยงามขึ้นนำอีกครั้ง 2-1
      
       เกมเริ่มดุเดือดขึ้น นาที 36 เควิน มิรัลลาส ได้ใบเหลืองเป็นของสมนาคุณหลังไปยันใส่ หลุยส์ ซัวเรซ จนเลือดออกที่หัวเข่าขวา แต่ยังกลับมาวิ่งปร๋อได้ตามปกติ จากนั้นช่วงเวลาที่เหลือยังไม่มีฝ่ายใดยิงประตูเพิ่มได้ จบครึ่งแรก เอฟเวอร์ตัน ตามหลัง ลิเวอร์พล 1-2
      
       ครึ่งหลัง "ท็อฟฟี" พลาดโอกาสทองเหลือเชื่อ นาที 53 เคราร์ด เดโลฟู ตัวสำรอง กระชากหลุดเดี่ยวมาจากครึ่งสนาม แต่จังหวะสุดท้ายแปติดบล็อค ซิมง มิโญเลต์ แบบไม่น่าให้อภัย ขณะที่ ลิเวอร์พูล พลาดเหมือนกัน นาที 59 แนวรับเจ้าถิ่นทำพลาดปล่อยบอลเข้าเขตโทษแต่ โจ อัลเลน แปเหน่งๆหลุดเสานิดเดียว
      
       เอฟเวอร์ตัน บุกแหลกจนนาที 71 ก็ตามตีเสมอได้อีกรอบ 2-2 โรเมลู ลูกากู ซัดฟรีคิกติดเซฟ มิโญเลต์ แต่ เควิน มิรัลลาส ตามไปเก็บบอลก่อนจ่ายยัดให้ ลูกากู แปเน้นๆตุงตาข่าย ต่อมา นาที 78 ทีมเยือนไม่รอช้าส่ง แดเนียล สเตอร์ริดจ์ กองหน้าอีกคนลงมาแทน ลูคัส เลวา ที่โดนใบเหลืองไปแล้ว
      
       และแล้ว นาที 81 เจ้าบ้านก็เป็นฝ่ายพลิกขึ้นนำ 3-2 จนได้ จากลูกเตะมุมแล้วเป็น ลูกากู เทกตัวโหม่งตาข่ายแทบขาด แต่สุดท้าย นาที 88 ลิเวอร์พูล รอดตายได้ในที่สุด สตีเวน เจอร์ราร์ด เปิดฟรีคิกให้ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ โขกช่วยให้ "หงส์แดง" ตีเสมอ 3-3 เก็บแต้มออกจากถิ่น กูดิสัน พาร์ค ไปจนได้
      
       รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
       เอฟเวอร์ตัน - ทิม โฮเวิร์ด, เลห์ตัน เบนส์, ฟิล จากิลกา, ซิลแวง ดิสแตง, ซีมุส โคลแมน, เควิน มิรัลลาส, แกเร็ธ แบร์รี, รอสส์ บาร์คลีย์, สตีเวน พีนาร์, โรเมลู ลูกากู
       ลิเวอร์พูล - ซิมง มิโญเลต์, กเล็น จอห์นสัน, แดเนียล แอกเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, จอห์น ฟลานาแกน, สตีเวน เจอร์ราร์ด, ลูคัส เลวา, โจ อัลเลน, ฟิลิปเป คูตินโญ, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, หลุยส์ ซัวเรซ

ขอบคุณที่มา manager.co.th

ตารางคะแนนสดๆ ระหว่างจบครึ่งแรก


สถิติเปรียบเทียบ จาก whoscored เอเวอร์ตัน - ลิเวอร์พูล


คาดการณ์ 11 ตัวจริง เอเวอร์ตัน ปะทะ ลิเวอร์พูล จากการ์เดี้ยน


ไฮไลต์ 5 ประตูสุดสวยจากพรีเมียร์ลีก 11 สัปดาห์แรก


via กูว่าแล้ว มันต้องยิง

The Beauty of Football (Football Fails)

(คลิป)นักข่าวสาวฝรั่งเศส "แก้ผ้า" พยากรณ์อากาศตามสัญญาหลังฝรั่งเศสได้ไปเล่นฟุตบอลโลก



โดเรีย ทิลลิเอร์ อดีตนักแสดงและนางแบบสาว ซึ่งปัจจุบันเป็นนักข่าวพยากรณ์อากาศสาวของช่อง Canal+ ในประเทศฝรั่งเศส ได้รักษาคำพูดว่าจะแก้ผ้าอ่านข่าวหากฝรั่งเศสสามารถผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปีหน้าได้สำเร็จ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า โดเรีย ทิลลิเอร์ อายุ 27 ปี นักข่าวพยากรณ์อากาศสาวของช่อง Canal+ ในประเทศฝรั่งเศส รักษาคำพูดของตนเองหลังประกาศว่า หากทีมชาติฝรั่งเศสสามารถผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปีหน้าได้สำเร็จจะแก้ผ้าพยากรณ์อากาศ หลังจากที่ในนัดเพลย์ออฟเลคแรกนั้นฝรั่งเศสพ่ายให้กับยูเครนไป 2-0 ซึ่งเธอมั่นใจว่าฝรั่งเศสคงพ่ายแพ้อีกครั้งในนัดเพลย์ออฟเลคที่สองในกรุง ปารีส แต่ผลปรากฎว่าฝรั่งเศสพลิกเอาชนะยูเครนในบ้านตัวเองไปได้ 3-0 เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ทำให้สกอร์รวมเป็น 3-2 ทะลุผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปีหน้าได้สำเร็จอย่างเหลือเชื่อ

โดยเรตติ้งช่อง Canal+ นั้นพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์หลังจากผู้คนนับล้านตั้งหน้าตั้งตารอดูว่า โดเรีย จะรักษาคำพูดของเธอเองหรือไม่ และเธอเองก็ได้รักษาคำพูดเช่นกันแต่ไม่ใช่ในแบบที่เหล่าผู้ชมคาดหวังเอาไว้ โดยโดเรียได้เปลื้องผ้าและวิ่งไปรอบสนามหญ้าสีเขียวซึ่งสวมเพียงแค่รองเท้าบู้ท 1 คู่เท่านั้น

ทั้งนี้โดเรีย อดีตนักแสดงและนางแบบสาว ได้มาเป็นนักข่าวพยากรณ์อากาศช่วงดึกและจัดรายการทอร์ค โชว์ตั้งแต่ช่วงเดือน ส.ค.ปี 2012 ซึ่งหลังจากที่ฝรั่งเศสออกนำยูเครนไป 2-0 เมื่อคืนวันอังคารนั้น เธอได้ทวิตข้อความว่า "ให้ตายสิฝรั่งเศสนำ 2-0 ฉันชักเริ่มเครียดแล้วซิ"


ขอบคุณที่มา tnews.co.th

Liverpool vs Everton team comparison


ไฮไลท์อุ่นเครื่อง เตรียมสู้ศึก ซีเกมส์ ทีมชาติไทย 2-0 บรูไน 22/11/2013


via ไฮไลท์ "นายลูกเจี๊ยบ"

ตาหวานเปรยส่ง'ฟลานาแกน'ขยับรับบทแบ็คซ้าย



โอกาสสำหรับดาวรุ่งมาถึงแล้วเมื่อเบรนแดน ร็อดเจอร์สกุนซือตาหวานแย้มว่าจะส่งจอน ฟลานาแกนแบ็ควัยกระเตาะลงสนามประจำการตำแหน่งแบ็คซ้ายในเกมพบเอฟเวอร์ตัน

กองหลังวัย 20 ปีแย่งตำแหน่งกับอาลี ซิสโซโก้ภายหลังจากที่โฆเซ่ เอ็นริเก้มมีอาการบาดเจ็บหัวเข่าจนอาจต้องพักยาว

ฟลานาเกนที่ประเดิมสนามในพรีเมียร์ลีกครั้งแรกในรอบ 19 เดือนกับอาร์เซน่อลเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานั้นประสบความสำเร็จในการกลับมาอยู่ในแผนการทำทีมของร็อดเจอร์สอีกครั้ง

แม้จะเหมาะสมกับตำแหน่งแบ็คขวาแต่ฟลานาแกนก็สามารถขยับไปเล่นแบ็คซ้ายได้เช่นกันและร็อดเจอร์สก็ไม่เป็นกังวลว่าเขาจะตื่นสนามในเกมที่กูดิสัน พาร์ค

"กับการที่โฆเซ่ไม่อยู่ผมมีอาลีซึ่งเข้ามาทดแทนได้แต่ผมยังมีอีกหนึ่งทางเลือกกับเจ้าหนุ่มอย่างจอน ฟลานาแกน"ร็อดเจอร์สแย้ม

"จอนโดดเด่นมากในการซ้อมและดูเหมือนว่าเขาจะเก่งขึ้นเรื่อยๆ"

"เขาทำได้ดีมากในเกมกับอาร์เซน่อลเขาไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดเลยในเกมนั้น"

"ตอนที่เขาโดนเปลี่ยนตัวมันก็ง่ายๆเพราะเราอยากเปิดเกมบุกมากขึ้นเพราะเราไล่หลังอยู่"

"จอนเป็นนักเตะหนุ่มที่จะไม่มีทางทำให้คุณผิดหวังแน่นอนว่ามันน่าผิดหวังหากคุณเสียแบ็คซ้ายเบอร์ 1 ไปนานหลายเดือนแต่มันก็เป็นโอกาสสำหรับใครบางคนที่จะเข้ามาทดแทนและทำให้ดี"

ขอบคุณที่มา soccersuck.com

ท็อปโฟร์ไม่พอ!บีร็อดกร้าว"หงส์"ตั้งเป้าถึงแชมป์


เบรนแดน รอดเจอร์สกุนซือตาหวานของ"หงส์แดง"ลิเวอร์พูลประกาศกร้าวเป้าหมายของพวกเขาในฤดูกาลนี้คือการคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก

ปัจจุบัน ยอดทีมแห่งลุ่มแม่น้ำเมอร์ซี่ไซด์รั้งอันดับที่ 2 ของตารางพรีเมียร์ ลีกโดยมีคะแนนตามหลังจ่าฝูงอย่างอาร์เซน่อลอยู่เพียง 2 คะแนนเท่านั้น

หลังการออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่ที่ยอดเยี่ยมของลิเวอร์พูลทำให้รอดเจอร์สเชื่อ มั่นว่าพวกเขามีสิทธิ์มองถึงการเป็นแชมป์พรีเมียร์ ลีกในฤดูกาลนี้ได้

"เมื่อใดก็ตามที่คุณลงเล่นไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลไหน คุณก็ไม่ได้ตั้งเป้าหมายแค่จบอันดับที่ 4 หรือ 3 คุณต้องตั้งเป้าถึงการคว้าแชมป์และอยู่ในอันดับที่ดีที่สุดเท่าที่คุณจะ สามารถทำได้"รอดเจอร์สกล่าว

"อย่างไรก็ตามคุณก็ต้องอยู่กับความเป็นจริงด้วย"

"มันไม่เคยมีทีมที่ก้าวขึ้นมาจากอันดับที่ 7 และคว้าแชมป์ลีกได้แต่เรื่องนั้นก็ไม่ได้หยุดเราสำหรับต่อสู้เพื่อไปถึงจุดนั้น"


ขอบคุณที่มา soccersuck.com

“16 แข้ง” 150 ล้านป.!! ย้ายสุดห่วยช่วงหน้าร้อน


ศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2013-14 โม่แข้งไปแล้ว 11 นัด เริ่มมองออกแล้วว่าใครหมู่ใครจ่า ดังนั้น “เดลี เมล” สื่อดังเมืองผู้ดี จึงถือโอกาสเบรกโปรแกรม ฟีฟา เดย์ ระหว่าง 2 สัปดาห์นี้สำรวจ 16 คนที่ย้ายทีมเมื่อช่วงซัมเมอร์ด้วยค่าตัวรวมกัน 150 ล้านปอนด์ (ประมาณ 7,500 ล้านบาท) แต่เล่นไม่เอาอ่าว
      
       มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก - มือกาวทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ที่ ฟูแลม ควัก 4.76 ล้านปอนด์ (ประมาณ 238 ล้านบาท) ดึงจาก โรมา หวังให้สร้างชื่อตามรอย เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ แต่มือกาววัย 31 ปีลงเฝ้าเสาไปแค่ 3 นัดเท่านั้นรวมทุกรายการก่อนจะเจ็บไหล่และต้องพักยาว 2 เดือน
      
       จอห์น บรายฟอร์ด - กองหลังที่โยกจาก ดาร์บี เคาน์ตี ค่าตัวเบาะๆ 1.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 75 ล้านบาท) หลังจาก 3 ปีเล่นได้อย่างน่าประทับใจในถิ่น ไพรด์ ปาร์ค ทว่ายังไม่ได้ลงเล่นเลย และ “บลูเบิร์ด” ก็มีแผนที่จะส่งคืนต้นสังกัดเก่าเร็ววันนี้
      
       มาร์ติน เดมิเคลิส - แมนเชสเตอร์ ซิตี ยอมควักเงิน 3.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 175 ล้านบาท) ซื้อกองหลังประสบการณ์สูงชาวอาร์เจนไตน์ต่อมาจาก แอตเลติโก มาดริด ที่ได้มาแบบฟรีทรานเซอร์เมื่อช่วงซัมเมอร์ แต่มาถึงก็ได้รับบาดเจ็บหัวเข่าพักเกือบ 2 เดือน พอได้ลงเล่นฟอร์มก็ไม่ดีจนต้นสังกัดเสียประตูเป็นว่าเล่น ล่าสุดลงเล่นเกมที่บุกพ่าย ซันเดอร์แลนด์ 0-1
      
       โจเรส อโกเร - กองหลังจาก นอร์ดสเยลลันด์ ที่ แอสตัน วิลลา ควักเงิน 4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 200 ล้านบาท) หวังดึงมาเป็นแกนหลัก ทว่าโชคร้ายแข้งทีมชาติเดนมาร์กได้รับบาดเจ็บเอ็นไขว้หัวเข่าทำให้ลงเล่น พรีเมียร์ ลีก ไปได้แค่ 3 นัดเท่านั้น
      
       ฟลอเรียน มารันเก - คริสตัล พาเลซ น้องใหม่ พรีเมียร์ ลีก ดึง มารันเก แบ็กซ้ายทีมชาติฝรั่งเศสมาจาก บอร์กโดซ์ แบบฟรีทรานเฟอร์ โดยเล่นไปเล่นมาแข้งวัย 27 ปี มีปัญหาเรื่องความเร็วที่ไม่อาจรับมือกับสไตล์บอลอังกฤษ ทำให้ เอียน ฮอลโลเวย์ กุนซือไม่ส่งชื่อติดทัพ 25 คน
      
       เฆซุส นาบาส - ปีกจรวดจาก เซบีญา ค่าตัว 22.9 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,145 ล้านบาท) ถือว่ามีความเร็วจัดจ้านน่าจะเล่นใน พรีเมียร์ ลีก ได้อย่างสบาย ทว่ายังมีปัญหาเรื่องการเปิดบอลไม่แม่น แถมเจอคู่แข่งแนวรุกในทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี เพียบ ทำให้เล่น 8 นัดยิงยังไม่ได้เลย แถมปั้นเกมก็ยังไม่เข้าตา
      
       มารูยาน เฟลไลนี - เล่นได้โดดเด่นแผงกองกลางกับ เอฟเวอร์ตัน แต่พอตาม เดวิด มอยส์ ที่โยกมาคุม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แข้งทีมชาติเบลเยียมค่าตัว 27.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,375 ล้านบาท) แค้นฟอร์มเก่งที่ยิง 11 ประตูในลีกเมื่อปีที่แล้วไม่เจอ ทำให้ตอนนี้ต้องตกเป็นตัวสำรองไปก่อน ทั้งที่เดิมทีน่าจะมาประสานกับ ไมเคิล คาร์ริค ในแผงมิดฟิลด์
      
       เอริค ลาเมลา - อีกหนึ่งแนวรุกค่าตัวแพงที่ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ จ่ายแลกมาจาก โรมา ด้วยตัวเลข 30 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,500 ล้านบาท) แต่มีปัญหาเรื่องการปรับตัวและภาษาที่อังกฤษ โดยแข้งอาร์เจนไตน์วัย 21 ปียังยิงในลีกไม่ได้เลย
      
       อารูนา โคเน - โรเบอร์โต มาร์ติเนซ กุนซือชาวสแปนิช ดึงจาก วีแกน แอธเลติก มาอยู่กับ เอฟเวอร์ตัน โดยจ่าย 6 ล้านปอนด์ (ประมาณ 300 ล้านบาท) แลกกับดาวยิงทีมชาติไอวอรี โคสต์ ที่ถือว่ารู้มือกันเป็นอย่างดี ทว่าไม่อาจแย่งตัวจริงจาก โลเมลู ลูกากู ที่ยืมมาจาก เชลซี ยิงไม่ได้เลยจาก 5 นัดที่ลงสนามแถมเจ็บยาวอีก
      
       ริคกี ฟาน วูล์ฟสวิงเคล - ดาวยิงจาก สปอร์ติง ลิสบอน ย้ายมาอยู่กับ นอริช ซิตี ด้วยค่าตัว 8.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 425 ล้านบาท) ถือเป็นแข้งเลือดดัตช์ที่น่าจับตาอย่างยิ่ง แต่ 8 นัดใน พรีเมียร์ ลีก แข้งวัย 24 ปียิงไปได้แค่ประตูเดียวเท่านั้น
      
       สเตฟาน โยเวติช - ย้ายจาก ฟิออเรนตินา ด้วยค่าตัวมหาศาล 22 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,100 ล้านบาท) ทว่าแข้ง มอนเตเนโกร มีปัญหาเรื่องความฟิตทำให้ออกสตาร์ทตามหลังเพื่อนๆ และยังไม่อาจแย่งตำแหน่งตัวจริงจากแนวรุก แมนเชสเตอร์ ซิตี แข้งวัย 24 ปียิงไป 2 ประตู แต่เป็นฟุตบอลถ้วย
      
       ลาโก อัสปาส - กองหน้าชาวสแปนิชที่ ลิเวอร์พูล ยอมทุ่ม 9 ล้านปอนด์ (ประมาณ 450 ล้านบาท) ดึงมาจาก เซลตา บีโก โชคร้ายมีปัญหาอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขารบกวน ทำให้แข้งวัย 26 ปี ไม่สามารถคายศักยภาพออกมาได้ลงไป 6 นัดใน พรีเมียร์ ลีก ยิงไม่ได้เลย
      
       มาร์โก ฟาน กิงเคล - กองกลางดาวโรจน์ชาวดัตช์ ย้ายจาก วิเทสส์ อาร์เนม ด้วยค่าตัว 9 ล้านปอนด์ (ประมาณ 450 ล้านบาท) อนาคตสดใสในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ ทว่าโชคร้ายเจ็บเอ็นหัวเข่าฉีกเกมกับ สวินดอน ทาวน์ ศึก แคปิตอล วัน คัพ พักยาว 6 เดือนตามระเบียบและแข้งวัย 20 ปีต้องลุ้นหนักด้วยว่าจะติดธง เนเธอร์แลนด์ส ไปลุยศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่ บราซิล ทันหรือไม่
      
       อันเดรียส คอร์เนลิอัส - คนนี้ยิงกระจายกับ เอฟซี โคเปนเฮเกน ทำให้ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี น้องใหม่ พรีเมียร์ ลีก ยอมทุ่มเงินค่าตัว 7.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 375 ล้านบาท) ดึงแข้งเลือดเดนส์มาล่าตาข่าย แต่เล่นไปแค่นาทีเดียวแถมได้รับบาดเจ็บข้อเท้า
      
       อันเดรีย ดอสเซนา - อดีตวิงแบ็ก ลิเวอร์พูล ย้ายจาก นาโปลี มาอยู่กับ ซันเดอร์แลนด์ แบบฟรีทรานเฟอร์ แน่นอนว่าเคยติดทีมชาติอิตาลีถึง 10 นัดหลายคนต้องคาดหวังเป้นธรรมดา แต่ฟอร์มไม่สู้ดีแถมโดนใบแดงจากการย่ำ 2 เท้าใส่คู่แข่งเกมกับ ฮัลล์ ซิตี ซึ่งตอนนี้กุนซือเปลี่ยนมือจาก เปาโล ดิ คานิโอ มาเป็น กุสตาโว โปเยต์ ทำให้แข้งวัย 32 ปีต้องดิ้นรนลงสนามเข้าไปอีก
      
       อันโตลิน อัลคาราซ - กองหลังทีมชาติปารากวัย วัย 31 ปี โรเบอร์โต มาร์ติเนซ หอบหิ้วจาก วีแกน แอธเลติก มาอยู่ เอฟเวอร์ตัน ด้วยกัน โดยมอบสัญญา 2 ปี แม้จะมาแบบฟรีทรานเฟอร์ แต่ไม่คุ้ม เพราะยังไม่ได้เตะบอลเลย เนื่องจากขึ้นเขียงผ่าไส้เลื่อน

ขอบคุณที่มา manager.co.th

ตารางออกอากาศ ถ่ายทอดสดฟุตบอล BPL ของช่อง 9 โมเดิร์นไนน์ทีวี ตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2556 - 11 พฤษภาคม 2557


สรุปโฉมหน้า 32 ทีมสุดท้ายที่ได้ไปเล่นฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิลกลางปีหน้า

1.บราซิล
2.ญี่ปุ่น
3.ออสเตรเลีย
4.อิหร่าน
5.เกาหลีใต้
6.ฮอลแลนด์
7.อิตาลี
8.คอสตา ริก้า
9.สหรัฐอเมริกา
10.อาร์เจนติน่า
11.เบลเยี่ยม
12.สวิตเซอร์แลนด์
13.เยอรมัน
14.โคลอมเบีย
15.รัสเซีย
16.บอสเนีย
17.อังกฤษ
18.สเปน
19.ชิลี
20.เอกวาดอร์
21.ฮอนดูรัส
22.ไนจีเรีย
23.ไอวอรี่ โคสต์
24.แคเมอรูน
25.กาน่า
26.แอลจีเรีย
27.กรีซ
28.โครเอเชีย
29.โปรตุเกส
30.ฝรั่งเศส
31.อุรุกวัย
32.เม็กซิโก

ขอบคุณที่มา sanook.com