ช่อง7คว้าสิทธิ์ยิงสดศึกเอฟเอคัพยาว6ฤดูกาล
-
นายศรัณย์ วิรุตมวงศ์ กรรมการผู้จัดการสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 เป็นประธานในการแถลงข่าวการได้สิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลเอฟเอ คัพ ที่ห้องวิภาวดีบอลรูม โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่า กทม. เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2555ที่ผ่านมา
พร้อมด้วยนายพลากร สมสุวรรณ กรรมการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ และรักษาการผู้จัดการฝ่ายรายการ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7, นายอารักษ์ พรประภา กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด และนายสาลวิท สุวิพร ผู้จัดการอาวุโสบริษัท ยูนิลีเวอร์ไทย เทรดดิ้ง จำกัด
นอกจากนี้ยังมีศิลปินนักแสดงสังกัดช่อง 7 เข้าร่วมงานแถลงด้วยอย่างคับคั่ง มี "แจ๊คกี้" อดิสรณ์ พึ่งยา และ "นิหน่า" สุฐิตา เรืองรองหิรัญญา รับหน้าที่เป็นพิธีกรในงาน
โดยสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ได้ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดศึก "เอฟเอ คัพ" ฟุตบอลถ้วยที่ยิ่งใหญ่และมีอายุยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 140 ปีของอังกฤษ เป็นระยะเวลา 6 ฤดูกาลติดต่อกัน ตั้งแต่ปี 2012-2018 พร้อมกับเพิ่มช่องทางการรับชมผ่านทุกแพลตฟอร์มผ่านบริษัทตามคำขวัญ "อยู่ที่ไหนก็ดูได้"
ซึ่งแต่ละคู่ที่ช่อง 7 จะนำมาให้ชมนั้นจะเป็นคู่ที่เด่นที่สุดในแต่ละรอบ ส่วนแพลตฟอร์มอื่นๆ ประกอบไปด้วยการรับชมทางมีเดียบูม และอินเทอร์เน็ตทีวี บั๊กกาบูดอตทีวี (Bugaboo.TV) ในรอบแรกๆ
ด้านนายศรัณย์ วิรุตมวงศ์ กล่าวว่า การได้ถือสิทธิ์ฟุตบอลเอฟเอ คัพ ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นผู้เดียวในประเทศไทย อยากให้ผู้ชมมั่นใจได้ว่าจะได้ดูฟุตบอลคู่ที่เด่นที่สุดทางฟรีทีวี ซึ่งเตรียมงบประมาณไว้สำหรับลิขสิทธิ์รายการกีฬากว่า 1 พันล้านบาท เพื่อให้สมกับเป็นสถานีโทรทัศน์ที่เป็นผู้นำด้านกีฬา และเพื่อเป็นการทำตามระเบียบอย่างเคร่งครัด จึงได้มีมาตรการคุมเข้มรหัส บลิสส์โค้ด ให้รับชมได้เฉพาะประเทศไทย และได้วางแผนป้องกัน "จอดำ" ไว้เรียบร้อยแล้ว
ส่วนนายพลากร สมสุวรรณ เผยว่า ช่อง 7 และสื่อในเครือจะถ่ายทอดสดให้ชมฟรีตั้งแต่รอบแรกจนถึงนัดชิงชนะเลิศ โดยจะเริ่มถ่ายรอบแรกทางช่องมีเดียบูม และบั๊กกาบูดอตทีวี ส่วนช่อง 7 นั้นจะถ่ายคู่เด่นๆ ประมาณ 15 นัดต่อฤดูกาล นอกจากนี้ยังสามารถรับชมฟุตบอลเอฟเอ คัพ ได้ทั้งจากโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต
สำหรับรายการพิเศษอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเอฟเอ คัพ จะนำเสนอทางรายการสปอร์ตแฟน ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ หลังข่าวภาคเที่ยง และรายการเจาะสนามแอทมิดไนท์ ทุกคืนวันอังคารเวลา 00.30 น. ส่วนไฮไลต์ต่างๆ จะออกอากาศทุกคืนวันพุธในสัปดาห์ที่มีการแข่งขัน
อนึ่ง ศึกเอฟเอ คัพ เริ่มทำการแข่งขันครั้งแรกในปี 1871 มีเพียง 15 สโมสรที่เข้าร่วมการแข่งขัน ทีมแรกที่เป็นแชมป์คือสโมสรวันเดอเรอร์สในปี 1871 ส่วนทีมเชลซีเป็นแชมป์ทีมล่าสุด ทีมที่คว้าแชมป์มากที่สุดคือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 11 สมัย อาร์เซน่อล 10 สมัย และท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 8 สมัย
ส่วนการติดตามไฮไลต์ผลแข่ง และตารางการแข่งขัน ติดตามได้ในระบบเอชดี ผ่าน www.bugaboo.tv/facup และแอพพลิเคชั่น บนไอโฟน และ ไอแพด (FACUP Thailand)
http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/121029_246.html
ทายาทนักฟุตบอลที่ทั้งรุ่งและดับ
เอดินโญ่
ชื่ออาจจะไม่ดัง แต่เมื่อลองดูจากชื่อจริงของเขาก็คือ “เอ็ดสัน โชลบิ นาซิเมนโต้” ลองอ่านชื่อแล้วคุ้นกันบ้างไหมว่าชื่อเขามันเหมือนกับชื่อของใคร ... ใช่แล้วเขาคือลูกชายของ เปเล่ อดีตดาวยิงทีมชาติบราซิลผู้ซึ่งมีฝีปากที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์นั่นเอง เอดินโญ่ปัจจุบันอายุ 42 ปี เคยผ่านการเล่นให้กับซานโต๊ส ซึ่งเป็นสโมสรที่สร้างชื่อเสียงให้กับเปเล่ ผู้เป็นพ่อของเขา แต่กลับไม่อาจแจ้งเกิดได้ โดยตำแหน่งที่เขาเล่นนั้น แตกต่างจากผู้เป็นพ่อโดยสิ้นเชิง โดยเขาลงเล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตู และที่สำคัญคือเปลี่ยนสโมสรเป็นว่าเล่น และไม่เคยติดทีมชาติบราซิล และจุดเปลี่ยนในชีวิตก็คือ เมื่อตอนปี 1999 เมื่อเขาอายุได้ 29 ปี เขาถูกศาลตัดสินลงโทษให้จำคุกจากการขับรถซิ่งกับเพื่อนบนท้องถนนโดยประมาท ทำให้มีคนถึงแก่ความตาย
สเตฟาน เบ็คเคนเบาเออร์
ดู จากนามสกุลก็คงพอทราบกันใช่ไหม ... เขาคนนี้คือลูกชายของ “ฟรานซ์ เบคเคนเบาเออร์” อดีตกัปตันทีมชาติเยอรมันตะวันตกผู้ยิ่งใหญ่นั่นเอง เขาเล่นตำแหน่งมิดฟิลด์แต่กลับไม่สามารถแจ้งเกิด หรือทำผลงานได้ดีเหมือนกับพ่อของเขา สเตฟาน เคยเล่นให้กับบาเยิร์นมิวนิค แต่ก็ส่วนใหญ่จะสตาร์ทในตำแหน่งตัวสำรอง แม้เขาจะเติบโตมากับระบบทีมเยาวชนของบาเยิร์นมิวนิคก็ตาม อีกทั้ง เขายังพเนจรไปเล่นให้อีกหลายสโมสรจนแขวนสตั๊ดไปในปี 1997 และหลังจากนั้น เขาก็รับหน้าที่เป็นโค้ชทีมชุด U-17 ของบาเยิร์นมิวนิคมาโดยตลอดจวบจนถึงทุกวันนี้
พี่น้องอัลคันทาราร์
สำหรับ 2 พี่น้องคู่นี้น่าจะเป็นที่รู้จักกันดี โดยเฉพาะแฟนบอลของบาร์เซโลน่า 2 พี่น้องคู่นี้เป็นลุกชายของมาซินโญ่ อดีตนักเตะทีมชาติบราซิลชุดแชมป์โลก 1994 โดยพวกเขาทั้ง 2 เติบโตมาจากทีมเยาวชนของบาร์เซโลน่า แต่ถึงอย่างไร ทั้ง 2 คนก็ไมได้เล่นฟุตบอลในตำแหน่งเดียวกับพ่อของพวกเขา 2 พี่น้องคู่นี้เล่นฟุตบอลในตำแหน่งตัวรุกด้วยกันทั้งคู่
ดิเอโก้ ซินากร้า
พ่อ หนุ่มวัย 26 ปีผู้นี้คือลูกชายแท้ๆของเสือเตี้ยนั่นเอง โดยเขาเป็นลูกนอกสมรสของมาราโดน่า กับ เคลาเดีย หญิงสาวชาวเนเปิ้ลส์ เมืองในอิตาลี ซึ่งเป้นช่วงที่มาราโดน่าไปค้าแข้งในอิตาลีกับทีมนาโปลี ดิเอโก้ ซินากร้า โดนมาราโดน่าปฏิเสธที่จะรับเขาเป็นลูกชาย ซึ่งด้วยเหตุนี้ ทำให้ซินากร้าต้องยืนหยัดต่อสู้ด้วยตัวเองมาโดยตลอด ปัจจุบันนั้น เขาเล่นให้กับทีมฟุตบอลชายหาดของอิตาลี และชีวิตตอนนี้ เขาได้ย้ายไปเล่นในอาร์เจนติน่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เอ็นโซ่ ซีดาน
น่า จะคุ้นหูกันดีสำหรับเด็กหนุ่มลูกครึ่งฝรั่งเศส – สเปน – แอลจีเรียผู้นี้ เขาเป็นลุกชายของอดีตจอมทัพทีมชาติฝรั่งเศสอย่าง ซิเนอดีน ซีดานนั่นเอง ในเวลานี้ เขากำลังเก็บเกี่ยวประสบการณ์อยู่ในทีมเยาวชนของเรอัลมาดริด ที่สำคัญคือเขาเลือกสวมเสื้อเบอร์ 10 และมีลีลาในการเลี้ยงบอล จ่ายบอล ที่สวยงาม แม่นยำเหมือนกับพ่อของเขาไม่มีผิด เป็นเพชรเม็ดงามของทีมชาติสเปนชุดเล็กอีกด้วย และคาดว่าอีกไม่นาน เขาอาจจะก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ของมาดริดแน่นอน
จอร์ดี้ ครัฟฟ์
ส่ท ั้งเบอร์ 14 เหมือนพ่อยามที่ลงเล่นให้บาร์เซโลน่า ทำให้สื่อต่างความหวังกับความสามารถของลูกเทวดาคนนี้อย่างมาก จอร์ดี้ ครัฟฟ์ เป็นลูกชายของ โยฮัน ครัฟฟ์ อดีตตำนานดาวยิงทีมชาติฮอลแลนด์ของบาร์เซโลน่า และเคยผ่านการเล่นให้กับทีมเยาวชนของบาร์เซโลน่ามาก่อน ด้วยฝีเท้าที่ไม่ธรรมดา มีเซนส์ในการจ่ายบอลได้ยอดเยี่ยม เล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางและตัวรุก แต่กลับกลายเป็นว่า ด้วยข้อครหาของสื่อที่มักจะพูดว่า เก่งไม่เท่าพ่อ เพราะเส้นของพ่อทำให้เขาขึ้นมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของบาร์ซ่าได้ ทำให้เขาไม่อาจร่ายมนต์ที่สุดยอดให้กับบาร์ซ่าได้ ทำให้เขาต้องเล่นด้วยความกดดัน จนต้องย้ายทีมไปเล่นให้กับแมนยูในที่สุด
เครดิต By MICHAEL LAUDRUP fc barcelona thailand fanclub
http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=701353
Kop คิด Kop ทอล์ึค :เมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้ (บอลจบคนไม่จบ)
เมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้ (บอลจบคนไม่จบ)
สวัสดีครับเพื่อน เดอะค็อป ทุกคน ผ่านการแข่งขันมา วันสองวัน ภายในใจที่เดือดระอุเหมือนภูเขาไฟที่กำลังรอวันปะทุออกมาเป็นราวาที่ไหลลง สู่พื้นมาถึงตอนนี้ก็น่าจะมอดดับลงไปแล้วล่ะมั้ง....แต่อาจจะเหลือควันจางๆ ที่ยังลอยวันสลายหายไปกับอากาศ...แต่นี่ล่ะมันคือรสชาดฟุตบอลหลังจบเกม
"บอลจบคนไม่จบ"....หากมีเรื่องขัดเคืืองใจจงระบายมันออกมา หากมีเรื่องชวนสงสัยจงถามมันออกมา......แตทุกอย่างต้องอยู่ในความคิดและการ ไตร่ตรองก่อนที่จะพูดหรือเขียนมันออกมา หาไม่แล้วนั้นทุกสิ่งทุกอย่างอาจะเป็นเชื้อไฟที่พร้อมจะลามไปได้ทุกที่
เมอร์ซี่ไซด์ดารบี้ แมตช์ ครั้งที่ 219 จบลงด้วยผลการแข่งขัน 2-2 แบ่งแต้มไปคนละ 1 คะแนน หลากหลายอารมณ์ถูกยัดเยียดในเวลา 90 นาที เกมที่ไม่มีใครมองออกว่าจะจบลงเช่นไร เมื่อ ร็อดเจอร์ส ต้องนำลูกทีมลงทำศึก ดาร์บี้แมตช์ เป็นครั้งแรกเกมที่เดิมพันด้วยศักดิ์ศรี มีหลายเหตุการณ์ให้่พูดถึงมัน และเราจะพูดถึงมันอีกครั้งเพราะผมถือคติที่ว่า "บอลจบคนไม่จบ"
มีอะไรเกิดขึ้นบ้างล่ะ ??
เพียงแค่ 14 นาทีเท่านั้น ลิเวอร์พูล ออกนำ เอฟเวอร์ตันไปก่อน 1-0 จากการเปิดอัดเข้ามาของ ซัวเรส ชแลบขาหลัง เบรนส์ เข้าประตูไป แต่ไฮไลท์มันไม่ได้อยู่ตรงนี้ เมื่อเป็นผลงานของซัวเรส ไม่รอช้าวิ่งแหวกเพื่อนร่วมทีม ไปแสดงอาการดีใจ ไปที่ไหนล่ะ ด้้านข้างสนามที่ เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีมของ เอฟเวอร์ตัน ที่บอกผู้ตัดสินว่าให้ระวังกรณี ซัวเรส พุ่ง!!!!
ไอ้นี่มันกวนตีน!!!!! เก็บ 2 มือ แล้วกระโจนทิ้งตัวลงกับพื้นอย่างสวยงาม ความสวยงามผมว่ามันไม่เท่าไหร่นะ แต่ว่าความกวนตีนนั้นเต็ม 10 แต่ถ้าใครจะใช้เอาไปเป็นท่าดีใจ ฟุตบอลแถวบ้านแนะนำว่าอย่านะครับ ฮ่าาา
นาทีที่ 20 เดอะค็อป ยิ้มเริงร่า เมื่อได้ลุกฟรีคิก เจอร์ราร์ดเตะเข้าไปให้กับซัวเรส โหม่งเช็ดเปลี่ยนทาง เข้าไป พอนำ 2-0 เท่านั้นล่ะคิดในใจเลยว่า อะไรมันจะง่ายและเข้าทางไปซะทุกอย่างเลยหรอ (และแล้วผมก็คิดผิด) กับอีกเหตุการณ์หนึ่งสำหรับเขา
ซัวเรส อีหรอบเดิมเมื่อ เจตนาย่ำเข้าไปที่ ดิสแต็ง นั่นมันแจกใบแดง ได้เลยเชียวล่ะ ทุกอย่างสำหรับเขาดูเหมือนจะดูดีเกือบหมด ยกเว้นจังหวะนี้เป็นความโชคดีของเค้าและลิเวอร์พูลไปที่ยังมีผู้เล่นอยู่ครบ
ไม่มีงานง่ายสำหรับดาร์บี้แมตช์ เพียงแค่ 2 นาทีหลังจากลิเวอร์พูลนำห่างออกไป 2-0 เอฟเวอร์ตันมาได้ลูกตีไข่แตก จากการชกบอลออกมาของ โจนส์ ซึ่งมาเข้าทางของ ออสแมน ที่รออยู่หน้ากรอบประตู ซัดเข้าไปตีตื้นขึ้นมา 2-1 และนี่คือจุดพลิกพลันของเกมในคืนนั้น
และเพียงเวลาไม่นานนัก เอฟเวอร์ตัน เปิดเกมเข้าใส่ชนิดที่ ลิเวอร์พูล หลังพิงฝา ความนิ่ง ความเยือกเย็นหายไป เมือ่เกมเริ่มมาเข้าทางฝั่ง เอฟเวอร์ตัน เสียงเชียร์ที่ปลุกเร้าในความกระหายนี้ถูกถ่ายทอดมายังสนามถึงผู้เล่นของ เอฟเวอร์ตัน ทุกคน และนั่นไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวัง นาทีที่ 35 ลูกทุ่มที่ผู้เล่นลิเวอร์พูล คิดว่าฝั่งตัวเองได้ ทำให้กองหลังเสียสมาธิ เฟลไลน์นี่ พลิกบอลเปิดเข้ากลาง เนลสมิธ ชาร์จเข้าไปเป็นประตูตีเสมอ 2-2
ร็อดเจอร์ส
เกมนี้เป็นเกมที่หนักสำหรับผู้เล่น และ ร็อดเจอร์ส กับศึกดาร์บี้แมตช์ครั้งแรกของเค้า
- แปลกพอดูสำหรับการยืนตำแหน่งของ ซูโซ่ กับ สเตอร์ลิ่ง ที่ถูกจับสลับตำแหน่งไม่เหมือนนัดที่ผ่านๆมา แต่นั่นก็ทำให้เกม ลิเวอร์พูล ดีขึ้น จนกระทั่งที่ สเตอร์ลิ่ง ได้ใบเหลือง และ เกือบที่จะได้ใบเหลืองที่ 2 ต้องบอกว่าโชคดีมากที่จังหวะมันต่อเนื่องเลยถูกเตือนไป
- ร็อดเจอร์ส ไม่รอช้าจัดการสลับตำแหน่งของ ซูโซ่ กับ สเตอร์ลิ่ง เพราะเกรงที่จะต้องโดนใบเหลืองที่ 2 จนกระทั่งจบครึ่งแรก ผมคิดว่า สเตอร์ลิ่ง อาจจะต้องถูกเปลี่ยนตัวออกไป เพราะดูเหมือนว่าความกดดันมากไปสำหรับเจ้าหนูน้อยคนนี้....แต่แล้ว ร็อดเจอร์ส ก็ยังแสดงความเชื่อมั่นและให้โอกาสจนกระทั่งจบเกม สเตอร์ลิ่งสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีและกลับมาสู่การเล่นของตัวเองอีกครั้ง
- ลิเวอร์พูลถูกบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง เอฟเวอร์ตันมีศูนย์กลางในการบุกอยู่ที่ เฟไลน์นี่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเก็บพักบอล การโจมตีทางอากาศ ประสิทธิภาพการทำงานของเค้าออกมาดีเลยล่ะ
ร็อดเจอร์สต้องการเกมแดนกลางที่ดุดันขึ้น และ การขันแนวรับให้แข็งแกร่ง นาทีที่ 60 เปลี่ยน ซาอิน กับ เชลวีย์ และ ซูโซ่ กับ โคอาเตส เข้ามา เปลี่ยนจากระบบ 4-3-2-1 เป็น 3-5-2 เพิ่ม เซนเตอร์แบคถึง 3 คนเพื่อกันลูกโจมตีกลางอากาศ ผลออกมาดีเชียวล่ะแต่ความรู้สึกของผมมันแปลกๆอย่างบอกไม่ถูกนั่นก็คือ
- มันเป็นครั้งแรกที่ผมเห็น ร็อดเจอร์ส เปลี่ยนแท็คติคที่ไม่ใช้ผู้เล่น แต่เป็นเปลี่ยนระบบการเล่น ที่จากเดิม "4-3-2-1 เป็น 3-5-2" เสมือนเกิดอาการกลัว กลัวที่จะแพ้ เกมรับดูดีขึ้นเลยล่ะ แต่ว่าเกมรุกกับขาดหายไป ผู้เล่น ลิเวอร์พูล ไม่สามารถต่อบอลหรือทำเกมขึ้นหน้าไปได้เลย รอที่จะสวนกลับและก็มีโอกาสที่จะทำประตูเหมือนกัน.......มันแค่รู้สึกแปลก เราสามารถต่อบอล และ คุมเกมไว้ได้ดีในทุกๆเกมที่ผ่านมา แต่เพราะ ลิเวอร์พูล โดนกดดันอย่างหนัก ถึงขนาดต้องเปลี่ยนแผน และ ระบบการเล่นเลยหรือ??....แต่อย่างว่าฟุตบอลลูกกลมๆมันไม่มีอะไรที่แน่นอน
แต่ยังไงก็ตาม ลิเวอร์พูลสามารถบุกมากำราบเอาชนะ เพื่อนรักเพื่อนแค้น อย่างเอฟเวอร์ตันไปได้ 3 -2 จากการยิงเข้าประตูของ ซัวเรส ในนาทีสุดท้ายจากการโหม่งเข้ามาของ โคอาเตส ทำให้ ซัวเรส ซัดเข้าไปอย่างไม่เหลือซาก.....จนกระทั่ง "ผมตื่นขึ้นมา"
เครดิตคุณ Fany Fernandez
http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=701244
สวัสดีครับเพื่อน เดอะค็อป ทุกคน ผ่านการแข่งขันมา วันสองวัน ภายในใจที่เดือดระอุเหมือนภูเขาไฟที่กำลังรอวันปะทุออกมาเป็นราวาที่ไหลลง สู่พื้นมาถึงตอนนี้ก็น่าจะมอดดับลงไปแล้วล่ะมั้ง....แต่อาจจะเหลือควันจางๆ ที่ยังลอยวันสลายหายไปกับอากาศ...แต่นี่ล่ะมันคือรสชาดฟุตบอลหลังจบเกม
"บอลจบคนไม่จบ"....หากมีเรื่องขัดเคืืองใจจงระบายมันออกมา หากมีเรื่องชวนสงสัยจงถามมันออกมา......แตทุกอย่างต้องอยู่ในความคิดและการ ไตร่ตรองก่อนที่จะพูดหรือเขียนมันออกมา หาไม่แล้วนั้นทุกสิ่งทุกอย่างอาจะเป็นเชื้อไฟที่พร้อมจะลามไปได้ทุกที่
เมอร์ซี่ไซด์ดารบี้ แมตช์ ครั้งที่ 219 จบลงด้วยผลการแข่งขัน 2-2 แบ่งแต้มไปคนละ 1 คะแนน หลากหลายอารมณ์ถูกยัดเยียดในเวลา 90 นาที เกมที่ไม่มีใครมองออกว่าจะจบลงเช่นไร เมื่อ ร็อดเจอร์ส ต้องนำลูกทีมลงทำศึก ดาร์บี้แมตช์ เป็นครั้งแรกเกมที่เดิมพันด้วยศักดิ์ศรี มีหลายเหตุการณ์ให้่พูดถึงมัน และเราจะพูดถึงมันอีกครั้งเพราะผมถือคติที่ว่า "บอลจบคนไม่จบ"
มีอะไรเกิดขึ้นบ้างล่ะ ??
เพียงแค่ 14 นาทีเท่านั้น ลิเวอร์พูล ออกนำ เอฟเวอร์ตันไปก่อน 1-0 จากการเปิดอัดเข้ามาของ ซัวเรส ชแลบขาหลัง เบรนส์ เข้าประตูไป แต่ไฮไลท์มันไม่ได้อยู่ตรงนี้ เมื่อเป็นผลงานของซัวเรส ไม่รอช้าวิ่งแหวกเพื่อนร่วมทีม ไปแสดงอาการดีใจ ไปที่ไหนล่ะ ด้้านข้างสนามที่ เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีมของ เอฟเวอร์ตัน ที่บอกผู้ตัดสินว่าให้ระวังกรณี ซัวเรส พุ่ง!!!!
ไอ้นี่มันกวนตีน!!!!! เก็บ 2 มือ แล้วกระโจนทิ้งตัวลงกับพื้นอย่างสวยงาม ความสวยงามผมว่ามันไม่เท่าไหร่นะ แต่ว่าความกวนตีนนั้นเต็ม 10 แต่ถ้าใครจะใช้เอาไปเป็นท่าดีใจ ฟุตบอลแถวบ้านแนะนำว่าอย่านะครับ ฮ่าาา
นาทีที่ 20 เดอะค็อป ยิ้มเริงร่า เมื่อได้ลุกฟรีคิก เจอร์ราร์ดเตะเข้าไปให้กับซัวเรส โหม่งเช็ดเปลี่ยนทาง เข้าไป พอนำ 2-0 เท่านั้นล่ะคิดในใจเลยว่า อะไรมันจะง่ายและเข้าทางไปซะทุกอย่างเลยหรอ (และแล้วผมก็คิดผิด) กับอีกเหตุการณ์หนึ่งสำหรับเขา
ซัวเรส อีหรอบเดิมเมื่อ เจตนาย่ำเข้าไปที่ ดิสแต็ง นั่นมันแจกใบแดง ได้เลยเชียวล่ะ ทุกอย่างสำหรับเขาดูเหมือนจะดูดีเกือบหมด ยกเว้นจังหวะนี้เป็นความโชคดีของเค้าและลิเวอร์พูลไปที่ยังมีผู้เล่นอยู่ครบ
ไม่มีงานง่ายสำหรับดาร์บี้แมตช์ เพียงแค่ 2 นาทีหลังจากลิเวอร์พูลนำห่างออกไป 2-0 เอฟเวอร์ตันมาได้ลูกตีไข่แตก จากการชกบอลออกมาของ โจนส์ ซึ่งมาเข้าทางของ ออสแมน ที่รออยู่หน้ากรอบประตู ซัดเข้าไปตีตื้นขึ้นมา 2-1 และนี่คือจุดพลิกพลันของเกมในคืนนั้น
และเพียงเวลาไม่นานนัก เอฟเวอร์ตัน เปิดเกมเข้าใส่ชนิดที่ ลิเวอร์พูล หลังพิงฝา ความนิ่ง ความเยือกเย็นหายไป เมือ่เกมเริ่มมาเข้าทางฝั่ง เอฟเวอร์ตัน เสียงเชียร์ที่ปลุกเร้าในความกระหายนี้ถูกถ่ายทอดมายังสนามถึงผู้เล่นของ เอฟเวอร์ตัน ทุกคน และนั่นไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวัง นาทีที่ 35 ลูกทุ่มที่ผู้เล่นลิเวอร์พูล คิดว่าฝั่งตัวเองได้ ทำให้กองหลังเสียสมาธิ เฟลไลน์นี่ พลิกบอลเปิดเข้ากลาง เนลสมิธ ชาร์จเข้าไปเป็นประตูตีเสมอ 2-2
ร็อดเจอร์ส
เกมนี้เป็นเกมที่หนักสำหรับผู้เล่น และ ร็อดเจอร์ส กับศึกดาร์บี้แมตช์ครั้งแรกของเค้า
- แปลกพอดูสำหรับการยืนตำแหน่งของ ซูโซ่ กับ สเตอร์ลิ่ง ที่ถูกจับสลับตำแหน่งไม่เหมือนนัดที่ผ่านๆมา แต่นั่นก็ทำให้เกม ลิเวอร์พูล ดีขึ้น จนกระทั่งที่ สเตอร์ลิ่ง ได้ใบเหลือง และ เกือบที่จะได้ใบเหลืองที่ 2 ต้องบอกว่าโชคดีมากที่จังหวะมันต่อเนื่องเลยถูกเตือนไป
- ร็อดเจอร์ส ไม่รอช้าจัดการสลับตำแหน่งของ ซูโซ่ กับ สเตอร์ลิ่ง เพราะเกรงที่จะต้องโดนใบเหลืองที่ 2 จนกระทั่งจบครึ่งแรก ผมคิดว่า สเตอร์ลิ่ง อาจจะต้องถูกเปลี่ยนตัวออกไป เพราะดูเหมือนว่าความกดดันมากไปสำหรับเจ้าหนูน้อยคนนี้....แต่แล้ว ร็อดเจอร์ส ก็ยังแสดงความเชื่อมั่นและให้โอกาสจนกระทั่งจบเกม สเตอร์ลิ่งสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีและกลับมาสู่การเล่นของตัวเองอีกครั้ง
- ลิเวอร์พูลถูกบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง เอฟเวอร์ตันมีศูนย์กลางในการบุกอยู่ที่ เฟไลน์นี่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเก็บพักบอล การโจมตีทางอากาศ ประสิทธิภาพการทำงานของเค้าออกมาดีเลยล่ะ
ร็อดเจอร์สต้องการเกมแดนกลางที่ดุดันขึ้น และ การขันแนวรับให้แข็งแกร่ง นาทีที่ 60 เปลี่ยน ซาอิน กับ เชลวีย์ และ ซูโซ่ กับ โคอาเตส เข้ามา เปลี่ยนจากระบบ 4-3-2-1 เป็น 3-5-2 เพิ่ม เซนเตอร์แบคถึง 3 คนเพื่อกันลูกโจมตีกลางอากาศ ผลออกมาดีเชียวล่ะแต่ความรู้สึกของผมมันแปลกๆอย่างบอกไม่ถูกนั่นก็คือ
- มันเป็นครั้งแรกที่ผมเห็น ร็อดเจอร์ส เปลี่ยนแท็คติคที่ไม่ใช้ผู้เล่น แต่เป็นเปลี่ยนระบบการเล่น ที่จากเดิม "4-3-2-1 เป็น 3-5-2" เสมือนเกิดอาการกลัว กลัวที่จะแพ้ เกมรับดูดีขึ้นเลยล่ะ แต่ว่าเกมรุกกับขาดหายไป ผู้เล่น ลิเวอร์พูล ไม่สามารถต่อบอลหรือทำเกมขึ้นหน้าไปได้เลย รอที่จะสวนกลับและก็มีโอกาสที่จะทำประตูเหมือนกัน.......มันแค่รู้สึกแปลก เราสามารถต่อบอล และ คุมเกมไว้ได้ดีในทุกๆเกมที่ผ่านมา แต่เพราะ ลิเวอร์พูล โดนกดดันอย่างหนัก ถึงขนาดต้องเปลี่ยนแผน และ ระบบการเล่นเลยหรือ??....แต่อย่างว่าฟุตบอลลูกกลมๆมันไม่มีอะไรที่แน่นอน
แต่ยังไงก็ตาม ลิเวอร์พูลสามารถบุกมากำราบเอาชนะ เพื่อนรักเพื่อนแค้น อย่างเอฟเวอร์ตันไปได้ 3 -2 จากการยิงเข้าประตูของ ซัวเรส ในนาทีสุดท้ายจากการโหม่งเข้ามาของ โคอาเตส ทำให้ ซัวเรส ซัดเข้าไปอย่างไม่เหลือซาก.....จนกระทั่ง "ผมตื่นขึ้นมา"
เครดิตคุณ Fany Fernandez
http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=701244
รวมช่อง sopcast - Everton vs Liverpool
sop://broker.sopcast.com:3912/6816
sop://broker.sopcast.com:3912/116665
sop://broker.sopcast.com:3912/111686
sop://broker.sopcast.com:3912/111378
sop://broker.sopcast.com:3912/133677
sop://broker.sopcast.com:3912/133323
sop://broker.sopcast.com:3912/132348
sop://broker2.sopcast.com:3912/134513
sop://broker.sopcast.com:3912/23597
sop://broker.sopcast.com:3912/116665
sop://broker.sopcast.com:3912/111686
sop://broker.sopcast.com:3912/111378
sop://broker.sopcast.com:3912/133677
sop://broker.sopcast.com:3912/133323
sop://broker.sopcast.com:3912/132348
sop://broker2.sopcast.com:3912/134513
sop://broker.sopcast.com:3912/23597
บีร็อดเอาฮาบอกซัวเรซได้จุดโทษเดี๋ยวพาเด็กไปพักร้อน
เบรนแดน ร็อดเจอร์สกุนซือตาหวานของลิเวอร์พูลยังอารมณ์ดีหลังแซวว่าหากวันไหนหลุยส์ ซัวเรซหอกฟันไม่เข้าเกิดทำให้ทีมได้จุดโทษจะพาลูกทีมไปฮอลลิเดย์ยกแก๊งค์
ดาวยิงทีมชาติอุรุกวัยกำลังถูกผู้ตัดสินเพ่งเล็งอย่างหนักว่าเป็นจอมพุ่งจน ช่วงหลังแทบไม่ได้ฟาว์ลนอกจากโดนเสียบหนักจะแจ้งขาแทบขาดเท่านั้น
เดอะ ค็อปร้องเพลงแต่งให้"หม่อมเหยิน"ว่าหาก"หงส์แดง"ได้จุดโทษจากซัวเรซพวกเขาจะไปฉลองปาร์ตี้กัน
ล่าสุดนักข่าวไปถามตาหวานถึงสนามซ้อมก่อนที่อดีตบอสใหญ่สวอนซีเล่นมุกอย่างอารมณ์ดี"ใช่นะ เราอาจต้องไปพักร้อนเช่นกัน"
"ไว้เราจะหาวันตัดสินใจอีกที"
เกมพบเอฟเวอร์ตันวันอาทิตย์นี้จะเป็นเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมทช์ครั้งแรกของบีร็อดซึ่งเจ้าตัวกล่าวปิดท้ายว่า
"เกมนี้คือทุกๆอย่าง สำหรับผู้คนของลิเวอร์พูลฟุคบอลคือชีวิตพวกเขา ที่อื่นๆอาจเป็นแค่กีฬาอย่างหนึ่งหรือสันทนาการแต่นี่ไม่ใช่เลย"
http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=698243
บีร็อดชายตามอง"โกมิส"กู้วิกฤตหน้า
บาเฟติมบี้ โกมิสหัวหอกจอมพลังของโอลิมปิก ลียงตกเป็นเป้าเสริมทัพของเบรนแดน ร็อดเจอร์สเทรนเนอร์ตาหวานของลิเวอร์พูลทันทีที่ทราบว่าทีมดังแห่งเมืองน้ำ หอมกำลังร้อนเงินอยู่
ซัมเมอร์ที่ผ่านมาฌอง-มิเชล โอลาสเจ้าของสโมสรลียงถูกสถานการณ์การเงินบีบให้ต้องขายแข้งบิ๊กเนมของพวก เขาอย่างอูโก้ ญอริส, อาลี ซิสโซโก้และคิม คัลล์สตรอมออกไปให้กับสเปอร์ส, บาเลนเซียและสปาตัก มอสโกตามลำดับแต่ดูเหมือนว่าพวกเขายังต้องการเงินอีกมาก
เปิดโอกาสให้ร็อดเจอร์สที่กำลังระทมกับการต้องเหลือกองหน้าแค่หลุยส์ ซัวเรซเพียงคนเดียวหลังฟาบิโอ บอรินี่เจ็บหนักจนต้องพักยาวเตรียมยื่นข้อเสนอมูลค่าราว 10 ล้านปอนด์มาขอซื้อโกมิสจากลียง
กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสวัย 27 ปีเจ้าของความสูง 184 เซนติเมตรยังเหลือสัญญากับทีมจนถึงปี 2014 และในฤดูกาลนี้ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อกระทุ้งไป 5 ประตูจาก 9 เกมในลีกเอิง
http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=698419
''อีที''ดักคอจารย์บอกเสียวเหมือนกันหม่อมเหยินพุ่ง
'อีที''ดักคอจารย์บอกเสียวเหมือนกันหม่อมเหยินพุ่ง
เดวิด มอยส์ผู้จัดการทีมเอฟเวอร์ตัน รู้งานสุดๆหลังให้สัมภาษณ์ชี้ว่าเขาเป็นกังวลเกี่ยวกับการพุ่งตบตาผู้ตัดสิน ของหลุยส์ ซัวเรซ โดยลูกทีมของเขาจะต้องดวลกับ "หม่อมเหยิน" ในเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ แมทช์วันอาทิตย์นี้
หลุยส์ ซัวเรซโดนเพ่งเล็งอย่างหนักจากการพยายามตบตาผู้ตัดสิน โดยในฤดูกาลที่ผ่านมา มอยส์โกรธควันออกหู ในจังหวะที่ "หม่อมเหยิน" โอเวอร์แอ็คติ้ง ทำให้แจ็ค ร็อดเวลล์ต้องโดนไล่ออกจากสนาม
"ใช่ ผมเป็นกังวลเกี่ยวกับการพุ่งล้มของเขา เขามีประวัติกับเรื่องแบบนี้อยู่และคนเหล่านี้มันก็เก่งในเรื่องนี้มากๆ"
"ในฤดูกาลที่แล้ว ผู้ตัดสินแจกใบแดงให้กับนักเตะของเราหลังเกมผ่านไปแค่ 15 นาที และมันก็ทำให้ทุกๆอย่างจบเห่ลง มันเป็นการพุ่งล้มและก็เป็นการตัดสินที่ยอดแย่ของกรรมการ"
"เรื่องแบบนี้จะทำให้แฟนบอลและสาธารณะชนห่างเหินจากฟุตบอล หากพวกเขาคิดว่าคนเหล่านี้พยายามโกงเพื่อผลการแข่งขัน"
http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=698434
เดวิด มอยส์ผู้จัดการทีมเอฟเวอร์ตัน รู้งานสุดๆหลังให้สัมภาษณ์ชี้ว่าเขาเป็นกังวลเกี่ยวกับการพุ่งตบตาผู้ตัดสิน ของหลุยส์ ซัวเรซ โดยลูกทีมของเขาจะต้องดวลกับ "หม่อมเหยิน" ในเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ แมทช์วันอาทิตย์นี้
หลุยส์ ซัวเรซโดนเพ่งเล็งอย่างหนักจากการพยายามตบตาผู้ตัดสิน โดยในฤดูกาลที่ผ่านมา มอยส์โกรธควันออกหู ในจังหวะที่ "หม่อมเหยิน" โอเวอร์แอ็คติ้ง ทำให้แจ็ค ร็อดเวลล์ต้องโดนไล่ออกจากสนาม
"ใช่ ผมเป็นกังวลเกี่ยวกับการพุ่งล้มของเขา เขามีประวัติกับเรื่องแบบนี้อยู่และคนเหล่านี้มันก็เก่งในเรื่องนี้มากๆ"
"ในฤดูกาลที่แล้ว ผู้ตัดสินแจกใบแดงให้กับนักเตะของเราหลังเกมผ่านไปแค่ 15 นาที และมันก็ทำให้ทุกๆอย่างจบเห่ลง มันเป็นการพุ่งล้มและก็เป็นการตัดสินที่ยอดแย่ของกรรมการ"
"เรื่องแบบนี้จะทำให้แฟนบอลและสาธารณะชนห่างเหินจากฟุตบอล หากพวกเขาคิดว่าคนเหล่านี้พยายามโกงเพื่อผลการแข่งขัน"
http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=698434
เท่ห์อ่ะ!ไอ้จ้อนเผย''ป๋า''ชมสุดแมนหลังขอโทษตอนตะคอกใส่
จอนโจ
เชลวี่ย์มิดฟิลด์ไอ้จ้อนของลิเวอร์พูล
ให้สัมภาษณ์เปิดเผยถึงความผิดพลาดในการที่เขาได้ชี้หน้าด่าเซอร์อเล็กซ์
เฟอร์กูสัน
แต่เขาได้ขอโทษขรัวเฒ่าชาวสก็อตทันทีหลังจบเกมการแข่งขันดังกล่าว
"ผมได้ไปรับแฟนของผมและเพื่อนของผมในห้องพัก ในตอนที่ผมกำลังเดินออกจากอุโมงค์เพื่อไปยังที่จอดรถ และเซอร์อเล็กซ์กำลังเดินสวนมา มันเป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกแปลกๆไปชั่วขณะ"
"ในตอนท้ายที่สุด ผมได้ดึงเขามาและขอโทษต่อสิ่งที่ผมได้ทำลงไป และผมก็ยอมรับว่ามันเป็นเรื่องผิดและน่าผิดหวัง"
"ผมเป็นเด็กหนุ่ม และผมคิดว่าอารมณ์ของผมมันทำให้ผมปรี๊ดแตกกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมขอโทษเขาแต่ยืนยันว่าผมคงจะไม่เปลี่ยนวิธีการเข้าบอลของผม"
"ป๋าตอบกลับมาว่า ไม่เป็นไร คุณต้องมีความเป็นผู้ชายในการที่จะเอ่ยคำขอโทษ ไม่มีความรู้สึกแย่ใดๆ มันเป็นเกมที่มีอารมณ์ร่วมสูง ไม่ต้องเป็นห่วงกับสิ่งที่เกิดขึ้น"
http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=698443
"ผมได้ไปรับแฟนของผมและเพื่อนของผมในห้องพัก ในตอนที่ผมกำลังเดินออกจากอุโมงค์เพื่อไปยังที่จอดรถ และเซอร์อเล็กซ์กำลังเดินสวนมา มันเป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกแปลกๆไปชั่วขณะ"
"ในตอนท้ายที่สุด ผมได้ดึงเขามาและขอโทษต่อสิ่งที่ผมได้ทำลงไป และผมก็ยอมรับว่ามันเป็นเรื่องผิดและน่าผิดหวัง"
"ผมเป็นเด็กหนุ่ม และผมคิดว่าอารมณ์ของผมมันทำให้ผมปรี๊ดแตกกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมขอโทษเขาแต่ยืนยันว่าผมคงจะไม่เปลี่ยนวิธีการเข้าบอลของผม"
"ป๋าตอบกลับมาว่า ไม่เป็นไร คุณต้องมีความเป็นผู้ชายในการที่จะเอ่ยคำขอโทษ ไม่มีความรู้สึกแย่ใดๆ มันเป็นเกมที่มีอารมณ์ร่วมสูง ไม่ต้องเป็นห่วงกับสิ่งที่เกิดขึ้น"
http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=698443
สมควรแห้ว!แฉหงส์ยื่นแค่3ลป.ขอซื้อเดมพ์ซี่ย์
The Sweeper สื่อในเมืองผู้ดีออกโรงแฉแหลกลิเวอร์พูลทำเนื้อทำตัวสุดเค็มยื่นข้อเสนอ เพียงแค่ 3 ล้านปอนด์เพื่อขอซื้อคลิ้นท์ เดมพ์ซี่ย์ดาวยิงอเมริกันก่อนที่จะโดนท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ควักเงิน 7.5 ล้านปอนด์มาตัดหน้าไปในนาทีสุดท้ายของตลาดนักเตะ
อดีตแกนรุกของฟูแล่มตกลงเซ็นสัญญากลายเป็นนักเตะของ"ไก่เดือยทอง"หลังจากทีม ลอนดอนยื่นข้อเสนอมากกว่าที่"หงส์แดง"ควักมาวางบนโต๊ะถึง 4.5 ล้านปอนด์โดยมี 3 สโมสรได้พยายามแย่งชิงลายเซ็นของนักเตะในวันสุดท้ายของตลาดนักเตะ
แท็บลอยด์อังกฤษเผยว่า"สเปอร์ส"ได้จ่ายเงินให้"เจ้าสัวน้อย"รวมทั้งสิ้น 7.5 ล้านปอนด์โดยแบ่งเป็นเงินสด 5 ล้านปอนด์ส่วนที่เหลืออีก 2.5 ล้านปอนด์นั้นขึ้นอยู่กับจำนวนนัดที่นักเตะลงสนาม
ส่วนอีกทีมนั้นเป็นแอสตัน วิลล่าที่ยื่นข้อเสนอ 5 ล้านปอนด์บวกกับเงินเพิ่มอีก 2 ล้านปอนด์ซึ่งทางฟูแล่มได้ตกลงยอมรับแล้วแต่ทางเดมพ์ซี่ย์ได้ปฏิเสธที่จะ ย้ายไปอยู่ในวิลล่า พาร์ค
http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=698680
รวมลิงค์ดูออนไลน์พากย์ไทย : Liverpool vs Anji
http://www.wezatv.com/dootv/sp-1.php
http://www.wezatv.com/dootv/sp-2.php
http://www.wezatv.com/dootv/sp-3.php
http://www.wezatv.com/dootv/sp-2.php
http://www.wezatv.com/dootv/sp-3.php
รวมช่อง Sopcast : Liverpool vs Anji
sop://broker.sopcast.com:3912/124891
sop://broker.sopcast.com:3912/133000
sop://broker.sopcast.com:3912/132348
sop://broker.sopcast.com:3912/93289
sop://broker.sopcast.com:3912/113739
sop://broker.sopcast.com:3912/112233
sop://broker.sopcast.com:3912/112094
sop://broker.sopcast.com:3912/133000
sop://broker.sopcast.com:3912/132348
sop://broker.sopcast.com:3912/93289
sop://broker.sopcast.com:3912/113739
sop://broker.sopcast.com:3912/112233
sop://broker.sopcast.com:3912/112094
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยก่อนเกมส์ Liverpool vs Anji
-ลิเวอร์พูล หลังจากพ่าย Udinese 2-3 คาถิ่นในนัดก่อน ทำให้หยุดสถิติ
ไม่แพ้ในแอนฟิลด์ ในเกมส์ยุโรป 13 นัดติดลง. Anji หลังจากเก็บชัยชนะในนัดที่แล้ว ทำให้มี 4 แต้ม ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงกลุ่ม A ในขณะนี้
-Guus Hiddink ช่วงที่เคยเป็นเทรนเนอร์ให้กับเชลซี เคยนำทีมเขี่ยลิเวอร์พูลตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ในฟุตบอล ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกส์ ฤดูกาล 2008/09 โดยไปเก็บชัยได้ที่แอนด์ฟิลด์ก่อน 3-1 และกลับมาเสมอกันที่ลอนดอน 4-4
-สถิติลิเวอร์พูล เจอทีมจากรัสเซีย 7 เกมส์หลังสุด ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 2 (ชนะ1 เสมอ 1 แพ้ 1 ที่แอนฟิลด์) เหตุการณ์ที่น่าจดจำที่สุดคือ การเอาชนะ CSKA Moskva ในถ้วย UEFA Super Cup ในปี 2005 3-1. ส่วนทีม Anji เป็นครั้งแรกที่จะได้พบกับสโมสรฟุตบอล จากอังกฤษ
-ลิเวอร์พูล ไม่ต้องการสร้างสถิติครั้งแรกในการ แพ้คาบ้าน 2 นัดติดต่อกัน ในถ้วยยุโรป ส่วน Hiddink ด้องการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ให้กับทีมน้องใหม่ในถ้วยยุโรป
Full Match : English Premier League - Liverpool 1-0 Reading 20-10-2012
OR
OR
----------------------------------
Download HQ Video
Full Speed Download Links
Subscribe to:
Posts (Atom)