Kop คิด Kop ทอล์ึค :เมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้ (บอลจบคนไม่จบ)

เมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้ (บอลจบคนไม่จบ)

สวัสดีครับเพื่อน เดอะค็อป ทุกคน ผ่านการแข่งขันมา วันสองวัน ภายในใจที่เดือดระอุเหมือนภูเขาไฟที่กำลังรอวันปะทุออกมาเป็นราวาที่ไหลลง สู่พื้นมาถึงตอนนี้ก็น่าจะมอดดับลงไปแล้วล่ะมั้ง....แต่อาจจะเหลือควันจางๆ ที่ยังลอยวันสลายหายไปกับอากาศ...แต่นี่ล่ะมันคือรสชาดฟุตบอลหลังจบเกม

"บอลจบคนไม่จบ"....หากมีเรื่องขัดเคืืองใจจงระบายมันออกมา หากมีเรื่องชวนสงสัยจงถามมันออกมา......แตทุกอย่างต้องอยู่ในความคิดและการ ไตร่ตรองก่อนที่จะพูดหรือเขียนมันออกมา หาไม่แล้วนั้นทุกสิ่งทุกอย่างอาจะเป็นเชื้อไฟที่พร้อมจะลามไปได้ทุกที่

เมอร์ซี่ไซด์ดารบี้ แมตช์ ครั้งที่ 219 จบลงด้วยผลการแข่งขัน 2-2 แบ่งแต้มไปคนละ 1 คะแนน หลากหลายอารมณ์ถูกยัดเยียดในเวลา 90 นาที เกมที่ไม่มีใครมองออกว่าจะจบลงเช่นไร เมื่อ ร็อดเจอร์ส ต้องนำลูกทีมลงทำศึก ดาร์บี้แมตช์ เป็นครั้งแรกเกมที่เดิมพันด้วยศักดิ์ศรี มีหลายเหตุการณ์ให้่พูดถึงมัน และเราจะพูดถึงมันอีกครั้งเพราะผมถือคติที่ว่า "บอลจบคนไม่จบ"

มีอะไรเกิดขึ้นบ้างล่ะ ??

เพียงแค่ 14 นาทีเท่านั้น ลิเวอร์พูล ออกนำ เอฟเวอร์ตันไปก่อน 1-0 จากการเปิดอัดเข้ามาของ ซัวเรส ชแลบขาหลัง เบรนส์ เข้าประตูไป แต่ไฮไลท์มันไม่ได้อยู่ตรงนี้ เมื่อเป็นผลงานของซัวเรส ไม่รอช้าวิ่งแหวกเพื่อนร่วมทีม ไปแสดงอาการดีใจ ไปที่ไหนล่ะ ด้้านข้างสนามที่ เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีมของ เอฟเวอร์ตัน ที่บอกผู้ตัดสินว่าให้ระวังกรณี ซัวเรส พุ่ง!!!!

ไอ้นี่มันกวนตีน!!!!! เก็บ 2 มือ แล้วกระโจนทิ้งตัวลงกับพื้นอย่างสวยงาม ความสวยงามผมว่ามันไม่เท่าไหร่นะ แต่ว่าความกวนตีนนั้นเต็ม 10 แต่ถ้าใครจะใช้เอาไปเป็นท่าดีใจ ฟุตบอลแถวบ้านแนะนำว่าอย่านะครับ ฮ่าาา





นาทีที่ 20 เดอะค็อป ยิ้มเริงร่า เมื่อได้ลุกฟรีคิก เจอร์ราร์ดเตะเข้าไปให้กับซัวเรส โหม่งเช็ดเปลี่ยนทาง เข้าไป พอนำ 2-0 เท่านั้นล่ะคิดในใจเลยว่า อะไรมันจะง่ายและเข้าทางไปซะทุกอย่างเลยหรอ (และแล้วผมก็คิดผิด) กับอีกเหตุการณ์หนึ่งสำหรับเขา

ซัวเรส อีหรอบเดิมเมื่อ เจตนาย่ำเข้าไปที่ ดิสแต็ง นั่นมันแจกใบแดง ได้เลยเชียวล่ะ ทุกอย่างสำหรับเขาดูเหมือนจะดูดีเกือบหมด ยกเว้นจังหวะนี้เป็นความโชคดีของเค้าและลิเวอร์พูลไปที่ยังมีผู้เล่นอยู่ครบ





ไม่มีงานง่ายสำหรับดาร์บี้แมตช์ เพียงแค่ 2 นาทีหลังจากลิเวอร์พูลนำห่างออกไป 2-0 เอฟเวอร์ตันมาได้ลูกตีไข่แตก จากการชกบอลออกมาของ โจนส์ ซึ่งมาเข้าทางของ ออสแมน ที่รออยู่หน้ากรอบประตู ซัดเข้าไปตีตื้นขึ้นมา 2-1 และนี่คือจุดพลิกพลันของเกมในคืนนั้น





และเพียงเวลาไม่นานนัก เอฟเวอร์ตัน เปิดเกมเข้าใส่ชนิดที่ ลิเวอร์พูล หลังพิงฝา ความนิ่ง ความเยือกเย็นหายไป เมือ่เกมเริ่มมาเข้าทางฝั่ง เอฟเวอร์ตัน เสียงเชียร์ที่ปลุกเร้าในความกระหายนี้ถูกถ่ายทอดมายังสนามถึงผู้เล่นของ เอฟเวอร์ตัน ทุกคน และนั่นไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวัง นาทีที่ 35 ลูกทุ่มที่ผู้เล่นลิเวอร์พูล คิดว่าฝั่งตัวเองได้ ทำให้กองหลังเสียสมาธิ เฟลไลน์นี่ พลิกบอลเปิดเข้ากลาง เนลสมิธ ชาร์จเข้าไปเป็นประตูตีเสมอ 2-2



ร็อดเจอร์ส

เกมนี้เป็นเกมที่หนักสำหรับผู้เล่น และ ร็อดเจอร์ส กับศึกดาร์บี้แมตช์ครั้งแรกของเค้า

- แปลกพอดูสำหรับการยืนตำแหน่งของ ซูโซ่ กับ สเตอร์ลิ่ง ที่ถูกจับสลับตำแหน่งไม่เหมือนนัดที่ผ่านๆมา แต่นั่นก็ทำให้เกม ลิเวอร์พูล ดีขึ้น จนกระทั่งที่ สเตอร์ลิ่ง ได้ใบเหลือง และ เกือบที่จะได้ใบเหลืองที่ 2 ต้องบอกว่าโชคดีมากที่จังหวะมันต่อเนื่องเลยถูกเตือนไป

- ร็อดเจอร์ส ไม่รอช้าจัดการสลับตำแหน่งของ ซูโซ่ กับ สเตอร์ลิ่ง เพราะเกรงที่จะต้องโดนใบเหลืองที่ 2 จนกระทั่งจบครึ่งแรก ผมคิดว่า สเตอร์ลิ่ง อาจจะต้องถูกเปลี่ยนตัวออกไป เพราะดูเหมือนว่าความกดดันมากไปสำหรับเจ้าหนูน้อยคนนี้....แต่แล้ว ร็อดเจอร์ส ก็ยังแสดงความเชื่อมั่นและให้โอกาสจนกระทั่งจบเกม สเตอร์ลิ่งสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีและกลับมาสู่การเล่นของตัวเองอีกครั้ง

- ลิเวอร์พูลถูกบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง เอฟเวอร์ตันมีศูนย์กลางในการบุกอยู่ที่ เฟไลน์นี่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเก็บพักบอล การโจมตีทางอากาศ ประสิทธิภาพการทำงานของเค้าออกมาดีเลยล่ะ

ร็อดเจอร์สต้องการเกมแดนกลางที่ดุดันขึ้น และ การขันแนวรับให้แข็งแกร่ง นาทีที่ 60 เปลี่ยน ซาอิน กับ เชลวีย์ และ ซูโซ่ กับ โคอาเตส เข้ามา เปลี่ยนจากระบบ 4-3-2-1 เป็น 3-5-2 เพิ่ม เซนเตอร์แบคถึง 3 คนเพื่อกันลูกโจมตีกลางอากาศ ผลออกมาดีเชียวล่ะแต่ความรู้สึกของผมมันแปลกๆอย่างบอกไม่ถูกนั่นก็คือ

- มันเป็นครั้งแรกที่ผมเห็น ร็อดเจอร์ส เปลี่ยนแท็คติคที่ไม่ใช้ผู้เล่น แต่เป็นเปลี่ยนระบบการเล่น ที่จากเดิม "4-3-2-1 เป็น 3-5-2" เสมือนเกิดอาการกลัว กลัวที่จะแพ้ เกมรับดูดีขึ้นเลยล่ะ แต่ว่าเกมรุกกับขาดหายไป ผู้เล่น ลิเวอร์พูล ไม่สามารถต่อบอลหรือทำเกมขึ้นหน้าไปได้เลย รอที่จะสวนกลับและก็มีโอกาสที่จะทำประตูเหมือนกัน.......มันแค่รู้สึกแปลก เราสามารถต่อบอล และ คุมเกมไว้ได้ดีในทุกๆเกมที่ผ่านมา แต่เพราะ ลิเวอร์พูล โดนกดดันอย่างหนัก ถึงขนาดต้องเปลี่ยนแผน และ ระบบการเล่นเลยหรือ??....แต่อย่างว่าฟุตบอลลูกกลมๆมันไม่มีอะไรที่แน่นอน


แต่ยังไงก็ตาม ลิเวอร์พูลสามารถบุกมากำราบเอาชนะ เพื่อนรักเพื่อนแค้น อย่างเอฟเวอร์ตันไปได้ 3 -2 จากการยิงเข้าประตูของ ซัวเรส ในนาทีสุดท้ายจากการโหม่งเข้ามาของ โคอาเตส ทำให้ ซัวเรส ซัดเข้าไปอย่างไม่เหลือซาก.....จนกระทั่ง "ผมตื่นขึ้นมา" 



เครดิตคุณ Fany Fernandez
http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=701244