หลังการแข่งขันฟุตบอลพ
รีเมียร์ ลีกในฤดูกาลปัจจุบันกำลังจะมาถึงจุดจบ
ซึ่งตำแหน่งแชมป์นั้นตกเป็นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนโควต้ายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกก็กำลังขับเคี่ยวกันอย่างหนักระหว่างเชลซี,
อาร์เซนอล และท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ เราจะมาดูรายชื่อ 10
สุดยอดนักเตะที่คุ้มค่ากับการเซ็นสัญญาของแต่ละทีมในปีนี้
อันดับ 10 : โม ดิอาเม่ (วีแกนสู่เวสต์แฮม - ไร้ค่าตัว)
ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาอาจจะเป็นช่วงเบลอๆสำหรับมิดฟิลด์ร่างโย่งรายนี้
หลังถูกทางวีแกน แอธเลติกปล่อยตัวออกจากสโมสร และเป็นแซม
อัลลาไดรซ์ที่เข้าไปเซ็นสัญญากับเขามาอยู่กับเวสต์แฮมแบบไร้ค่าตัว
ซึ่งดิยาเม่ทำผลงานได้อย่างคงเส้นคงวาจนตกเป็นข่าวกับสโมสรอย่าง
เชลซีและอาร์ซนอลมาแล้ว ในช่วงตลาดนักเตะเดือนมกราคมที่ผ่านมา
เขามีอะไรบางอย่างที่อัลลาไดรซ์เรียกมันว่า "ความแข็งแกร่ง"
และทำผลงานพัฒนาได้เรื่อยๆจนกลายเป็นหัวใจสำคัญของแดนกลาง
แถมยังยิงหนึ่งในประตูสุดสวยในเกมกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่อัพตัน ปาร์ค
และอีกประตูในเกมที่ต้นสังกัดของเขาเอาชนะเชลซีเมื่อเดือนธันวาคม
ถือว่าไม่เลวเลยสำหรับนักเตะไร้ค่าตัวรายนี้
อันดับ 9 : สตีเฟ่น เฟล็ทเชอร์ (วูล์ฟแฮมป์ตันสู่ซันเดอร์แลนด์ - 12 ล้านปอนด์)
แม้ว่าจะรูดม่านปิดฉากฤดูกาลนี้ไปแล้วด้วยอาการบาดเจ็บ แต่สตีเฟ่น
เฟล็ทเชอร์ก็ได้ทำผลงานมากเพียงพอที่จะตอบว่าค่าตัว 12
ล้านปอนด์ของเขานั้นคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์
เฟล็ทเชอร์ทำประตูได้ถล่มทลายในช่วงเดือนสิงหาคม
จนถึงเดือนตุลาคมเมื่อปีที่แล้ว โดยรวมทั้งหมดเขากดไป 11 ประตู
และไม่อยากจะคิดเลยว่าหากซันเดอร์แลนด์ไม่ได้ประตูของเขาช่วยให้เก็บคะแนนมา
ได้นักต่อนัก ตอนนี้พวกเขาอาจจะหล่นลงสู่ลีก แชมเปี้ยนชิพไปแล้วก็เป็นได้
อันดับ 8 : อารูน่า โคเน่ (เลบานเต้สู่วีแกน - 2.5 ล้านปอนด์)
ออกแนวคล้ายๆกับคริสเตียน เบนเทเก้ของแอสตัน วิลล่า อารูน่า
โคเน่มีทีเด็ดในการจบสกอร์จังหวะสุดท้าย
และเขาเป็นนักเตะคนสำคัญที่ยังทำให้วีแกน
แอธเลติกต่อสู้กับการหนีตกชั้นในฤดูกาลนี้
ปรับตัวเข้ากับฟุตบอลพรีเมียร์ ลีกได้ทันทีตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับวีแกน
เขาเป็นกำลังสำคัญช่วยพาทีมผ่านเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอ
คัพกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในฤดูกาลนี้
โคเน่มีความสามารถในการครองบอลและการจบสกอร์ที่แสนอันตราย โดบมีส่วนร่วมกับ
2 ประตูในเกมกับเรดดิ้ง, ประตูชัยเหนือนิวคาสเซิ่ลและนอริช
และประตูกับเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยนเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
หากว่าวีแกนสามารถอยู่รอดต่อไปในพรีเมียร์ ลีกได้ ค่าตัว 2.5
ล้านปอนด์ของหัวหอกรายนี้จะถือว่าคุ้มค่าเอามากๆกับที่พวกเขาได้ลงทุนไป
อันดับ 7 : ซานติ กาซอร์ล่า (มาลาก้าสู่อาร์เซนอล - 16.5 ล้านปอนด์)
อาจจะดูน่าผิดหวังไปหน่อยสำหรับกองกลางร่างเตี้ยรายนี้
ที่ไม่มีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมของ PFA ที่เพิ่งถูกประกาศไม่นานมานี้
ความสำเร็จในการผ่านบอลของเขาตลอดทั้งฤดูกาลนี้มีค่าเฉลี่ยสูงกว่า 80%
และเขาสามารถสร้างโอกาสการยิงประตูให้กับเพื่อนร่วมทีมมากถึง 89 ครั้ง
จะมีอะไรมากไปกว่านี้อีกล่ะ?
ฝีเท้าของซานติน่าประทับใจตั้งแต่ลงเล่นเกมแรกให้กับอาร์เซนอล
โดยเขาได้กลายมาเป็นกำลังสำคัญที่คอยขับเคลื่อนแดนกลางของทีมให้ไหลลื่น
ซึ่งแม้ว่าค่าตัวของเขาอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยเห็นบ่อยนักจากสโมสรอย่างอา
ร์เซนอล แต่การมีเขาอยู่ในทีมอาจจะทำให้ถ้วยรางวัลหรือแชมป์อะไรสักรายการ
กลับมาอยู่ในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยมได้ในเร็วๆนี้
อันดับ 6 : มาติย่า นาสตาซิช (ฟิออเรนติน่าสู่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - 12 ล้านปอนด์)
ก่อนหน้าจะย้ายมาค้าแข้งในประเทศอังกฤษ
นาสตาซิชได้โทรศัพท์ปรึกษากับเนมันย่า วิดิชกัปตันทีมแมนเชสเตอร์
ยูไนเต็ดถึงการปรับตัวให้เข้ากับลีกที่ต้องใช้ร่างกายอันแข็งแกร่งแห่งนี้
ซึ่งไม่มีจุดอ่อนใดๆที่กองหลังวัย 20 ปีรายนี้แสดงออกมาให้เราได้เห็นกัน
เขาเบียดปราการหลังทีมชาติอังกฤษอย่างโจเลออน เลสค็อตต์ตกไปเป็นตัวสำรอง
ก่อนที่จะสร้างกำแพงเหล็กร่วมกับแวนซองค์
กอมปานีในฐานะปราการหลังคู่กลางของทีม
โดยโอกาสที่ดีที่สุดของกองหลังชาวเซิร์บในปีนี้คือแชมป์ฟุตบอลเอฟเอ
คัพและรองแชมป์พรีเมียร์ ลีก
ซึ่งสถิติที่น่าทึ่งของเขาก็คือสามารถเอาชนะคู่แข่งในจังหวะการเข้าปะทะได้
มากถึง 90%
อันดับ 5 : โรเมลู ลูกากู (เชลซีสู่เวสต์บรอมวิช - สัญญายืมตัว)
ถูกทางเชลซีส่งให้กับทีมมวยโลกยืมตัว
เพื่อประสบการณ์ในฟุตบอลลีกสูงสุดของอังกฤษ และเชื่อว่าสิ่งที่ทาง
"สิงห์ไฮโซ" จะได้กลับมานั้นถือว่าคุ้มค่าสุดๆ
แม้จะมีอายุเพียง 20
ปีแต่หัวหอกร่างใหญ่รายนี้กลับทำผลงานได้อย่างน่าเหลือเชื่อโดยยิงประตู 14
ประตูให้กับต้นสังกัด จนพาทีมจบฤดูกาลนี้ในตารางด้านบน
ถือว่าเป็นสถานการณ์ที่วิน-วินสำหรับเชลซี และเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน
แม้ว่าในปัจจุบันเราจะยังไม่รู้ว่าหัวหอกทีมชาติเบลเยี่ยมรายนี้ได้แสดง
ศักยภาพของเขาออกมาเต็มที่แล้วหรือไม่
แต่เชื่อว่าการค้าแข้งอีกหนึ่งปีในถิ่นฮอว์ธอร์นนั้นจะไม่ส่งผลในแง่ร้ายใดๆ
กับเขา
อันดับ 4 : คริสเตียน เบนเทเก้ (เกงค์สู่แอสตัน วิลล่า - 7 ล้านปอนด์)
หัวหอกวัย 22 ปีรายนี้ถูกทางแอสตัน
วิลล่าใช้เงินปริมาณมากหากเทียบกับชื่อเสียงของเขาในครั้งค้าแข้งกับเกงค์
อย่างไรก็ตามผลงานการเล่นในฤดูกาลนี้ของเบนเทเก้
เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้เลยว่านี่เป็นหนึ่งในการเซ็นสัญญาที่คุ้มค่าที่สุดใน
ประวัติศาสตร์ของสโมสรแอสตัน วิลล่าเลยทีเดียว
ปัจจุบันเขากำลังรับภาระหนักอึ้งโดยการแบกทีมต่อสู้กับการหนีตกชั้น
ซึ่งแม้ว่าเขาจะสามารถทำสิ่งดังกล่าวได้สำเร็จหรือไม่ แต่ในช่วงซัมเมอร์นี้
จะมียักษ์ใหญ่หลายทีมโทรศัพท์หาเขา เพื่อติดต่อให้ย้ายไปร่วมทีมแน่นอน
อันดับ 3 : แยน แฟร์ทองเก้น (อาหยักซ์สู่ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ - 10 ล้านปอนด์)
ในฤดูกาลแรกของปราการหลังทีมชาติเบลเยี่ยมกับฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก
เขาได้ทำทุกๆอย่างที่เราสามารถถามหาได้จากกองหลังคนหนึ่ง
การโหม่งบอลอันทรงพลัง, การควบคุมแนวรับของทีม,
การดักบอลอย่างมีจังหวะจะโคนและการเคลียร์บอลยามทีมตกอยู่ในสถานการณ์ที่
อันตราย เขาทำมาแล้วทุกอย่าง
แฟร์ทองเก้นย้ายเข้ามาร่วมทีมท็อตแน่ม
ฮอตสเปอร์โดยค่าตัวของเขาถือว่ามากหากมองจากตำแหน่งกองหลัง
แต่กับฟอร์มการเล่นที่ผ่านมา และการพาทีมกำลังลุ้นโควต้าฟุตบอลยูฟ่า
แชมเปี้ยนส์ ลีก ทุกๆเพ็นนีที่ "ไก่เดือยทอง" จ่ายไปนั้นถือว่าคุ้มค่าสุดๆ
อันดับ 2 : โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์ (อาร์เซนอลสู่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - 24 ล้านปอนด์)
ทันทีที่ประตูชัยของแซร์คิโอ้ อเกวโร่หัวหอกแมนเชสเตอร์
ซิตี้ผ่านประตูของควีนสพาร์ค เรนเจอร์ส ส่งผลให้ "เรือใบสีฟ้า"
คว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีกในฤดูกาลที่ผ่านมาไปครอบครอง เซอร์อเล็กซ์
เฟอร์กูสันรู้ทันทีว่ามีนักเตะเพียงรายเดียวที่เขาจะต้องดึงเข้าร่วมทีม
เพื่อต่อต้านการเปลี่ยนขั้วอำนาจภายในเมืองแมนเชสเตอร์
ส่วนสำคัญที่ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ดคว้าแชมป์ลีกสูงสุดหมายเลข 20 มาครอบครอง
มาจากฝีเท้าการทำประตูของหัวหอกหมายเลข 20 ที่มีนามว่าโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์
ในฤดูกาลแรกของเขากับสโมสร RVP กดไปทั้งสิ้น 29 ประตู (ยังไม่จบฤดูกาล)
และนี่เป็นการยุติช่วงเวลาที่ไร้รางวัลเข้ามาประดับอาชีพการค้าแข้งของเขา
นับตั้งแต่แชมป์เอฟเอ คัพกับอาร์เซนอลในปี 2005
24 ล้านปอนด์แลกกับตำแหน่งแชมป์ลีก ? คุ้มค่าสุดๆ
อันดับ 1 : มิชู (ราโย่ บาญากาโน่สู่สวอนซี ซิตี้ - 2 ล้านปอนด์)
มิชู? ใครวะ มิชูอ่ะ? หากว่าคุณไม่ใช่แฟนบอลสเปนเข้าเส้น
ไม่มีทางแน่นอนที่จะรู้จักกับหัวหอกรายนี้ยามที่เขาย้ายมาร่วมทีมสวอนซี
ซิตี้ในช่วงเดือนกรกฎาคมเมื่อปีที่แล้ว
ในตำแหน่งที่เขาจะลงเล่นหลังจากกองหน้า
มิชูสามารถทำได้ทุกๆอย่างทั้งเอาชนะปราการหลัง, ผ่านบอลอันตราย,
เอาชนะลูกกลางอากาศและยิงประตูด้วยเท้าทั้งสองข้าง
เขาเป็นกำลังสำคัญช่วยให้ทีมหงส์ขาวบินสูงในฤดูกาลนี้
โดยได้แชมป์ฟุตบอลแคปิตอล วัน คัพหรือคาร์ลิ่ง คัพที่เคยเรียกกัน
พร้อมกับการพาทีมไปเล่นฟุตบอลยูโรป้า ลีกในฤดูกาลหน้า
ต้องชื่นชมสายตาของไมเคิ่ล
เลาดรู๊ปที่มองเห็นเพชรเม็ดงามในตลาดซื้อขายนักเตะที่ไม่ค่อยจะแน่นอนของลา
ลีกา ตอนนี้มิชูกลายเป็นหนึ่งในดาวดังของพรีเมียร์ ลีกเรียบร้อยแล้ว
(ด้วยราคาค่าตัวเพียง 2 ล้านปอนด์!)
ขอบคุณที่มา http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=821805